แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
จำเลยเป็นภรรยาโจทก์ การที่จำเลยไม่ยอมพูดกับโจทก์ หากมีเรื่องที่จะต้องปรึกษาหารือกันจำเลยจะเขียนจดหมายแทนการพูดกับโจทก์ก็เนื่องจากความผิดของโจทก์ที่มีความสัมพันธ์ทางเพศกับหญิงอื่นและทำร้ายร่างกายจำเลย ทั้งเพื่อหลีกเลี่ยงมิให้บุตรได้ยินการทะเลาะกันระหว่างโจทก์กับจำเลย การกระทำของโจทก์เป็นเหตุอันสมควรที่จะทำให้จำเลยแสดงอาการดูถูกเกลียดชังโจทก์และไม่พูดคุยกับโจทก์ได้ จึงถือไม่ได้ว่าจำเลยประพฤติชั่ว และถือไม่ได้ว่าจำเลยได้กระทำการเป็นปฏิปักษ์ต่อการเป็นสามีภรรยากันอย่างร้ายแรงอันจะเป็นเหตุหย่า มารดาของโจทก์เป็นลมเนื่องจากทะเลาะกับจำเลย เพราะจำเลยต้องการพาบุตรชายไปเที่ยวนอกบ้านแต่มารดาไม่ยอม เหตุดังกล่าวยังถือไม่ได้ว่าจำเลยหมิ่นประมาทหรือเหยียดหยามบุพการีโจทก์อย่างร้ายแรง.
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า โจทก์จำเลยจดทะเบียนสมรสกัน มีบุตรด้วยกัน3 คน จำเลยได้ประพฤติชั่วโดยแสดงอาการดูถูกรังเกียจและเกลียดชังโจทก์ ไม่ยอมพูดจา กินอยู่หลับนอนฉันสามีภรรยากับโจทก์มาเป็นเวลา 5 ปี และจำเลยหมิ่นประมาทบุพการีของโจทก์อย่างร้ายแรงโดยด่าว่ากล่าวมารดาโจทก์ด้วยถ้อยคำพยาบคายจนกระทั่งมารดาโจทก์เป็นลม ขอให้ศาลพิพากษาให้จำเลยจดทะเบียนหย่าขาดจากโจทก์ หากจำเลบยไม่ยอมก็ให้ถือเอาคำพิพากษาเป็นการแสดงเจตนาของจำเลยน และให้โจทก์แต่ผู้เดียวเป็นผู้ปกครองบุตร
จำเลยให้การว่า โจทก์ต่างหากที่ดูถูกเกลียดชังจำเลยและทำร้ายจำเลยโจทก์ไม่มีความสัมพันธ์กับหญิงอื่นและต้องการสมรสใหม่กับหญิงอื่น จำเบลยไม่เคยหมิ่นประมาทหรือเหยียดหยามบุพการีของโจทก์อย่างร้ายแรง จำเลยเป็นผู้เหมาะสมที่จะปกครองบุตรทั้งสามยิ่งกว่าโจทก์ ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า โจทก์ฎีกาประการแรกว่า ข้อเท็จจริงตามที่โจทก์นำสืบฟังได้แล้วว่า จำเลยแสดงอาการดูถูกเกลียดชังโจทก์ ไม่พูดคุยกับโจทก์มานานหลายปี สั่งสอนบุตรธิดาว่าโจทก์เป้นคนเลว อันเป็นเหตุหย่าตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา1516(2) แล้ว เห็นว่า แม้โจทก์มีจดหมายเอกสารหมาย จ.3ถึง จ.21 มาสืบประกอบคำเบิกความของโจทก์ว่าจำเลยไม่ยอมพูดกับโจทก์ หากมีเรื่องที่จะต้องปรึกษาหารือกันจำเลยจะเขียนเป็นจดหมายก็ตาม แต่โจทก์ก็ไม่มีพยานบุคคลอื่นมาเบิกความสนับสนุนทั้งข้อความในเอกสารดังกล่าวส่วนใหญ่เป็นเรื่องที่จำเลยต่อว่าโจทก์ไปมีความสัมพันธ์กับหญิงอื่นและขอให้โจทก์รับผิดชอบต่อครอบครัว ซึ่งการพูดเรื่องดังกล่าวกับโจทก์จะทำให้เกิดการโต้เถียงทะเลาะกันและโจทก์จะทำร้ายร่างกายจำเลย ทั้งจำเลยไม่ต้องการให้บุตรได้ยินการทะเลาะกันระหว่างโจทก์กับจำเลยจึงเขียนจดหมายแทน พยานหลักฐานของโจทก์ยังวฟังไม่ได้ว่าจำเลยไม่พูดคุยกับโจทก์และสั่งสอนบุตรธิดาว่าโจทก์เป็นคนเลว ทั้งการที่จำเลยต้องเขียนจดหมายแทนการพูดกับโจทก์เนื่องมาจากความผิดของโจทก์ที่มีความสัมพันธ์ทางเพศกับหญิงอื่นและทำร้ายร่างกายจำเลย ซึ่งเป็นเหตุผลอันสมควรที่จะทำให้จำเลยแสดงอาการดูถูกเกลียดชังโจทก์และไม่พูดคุยกับโจทก์ได้ จึงถือไม่ได้ว่าจำเลยได้กระทำการอันเป็นเหตุหย่าตามที่โจทก์ฎีกา ที่ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่า พยานหลักฐานของโจทก์ยัฟงังไม่ได้ว่าจำเลยประพฤติชั่วตามฟ้องนั้นชอบแล้วโจทก์ฎีกาต่อไปว่า มารดาโจทก์เคยเป็นผู้อุปการะเลี้ยงดูทั้งโจทก์และจำเลยมาก่อน และเป็นผู้ที่มีอุปการะคุณกับทั้งโจทก์และจำเลย แต่จำเลยกลับไม่เคารพเชื่อฟัง ทั้งยังดึงดันแม้เหตุเพียงเล็กน้อยจนมารดาโจทก์ซึ่งมีอายุมากแล้วถึงกับเป็นลมไป ถือได้ว่าจำเลบยหมิ่นประมาทหรือเหยียดหยามบุพการีโจทก์อย่างร้ายแรงนั้น เห็นว่า โจทก์เบิกความเพียงว่าโจทก์ทราบจากคนอื่นว่ามารดาของโจทก์เป็นลมเนื่องจากทะเลาะกับจำเลยน เรื่องเกี่ยวกับจำเลยต้องการนำบุตรชายของโจทก์จำเลยไปเที่ยวนอกบ้าน แต่มารดาโจทก์ไม่ยอม เหตุดังกล่าวทั้งหมดที่โจทก์อ้างมาถึงแม้จะฟังว่าเป็นความจริงก็ยังถือไม่ได้ว่าจำเลยหมิ่นประมาท หรือเหยียดหยามบุพการีโจทก์อย่างร้ายแรง ฎีกาโจทก์ข้อสุดท้ายว่า จำเลยดูถูกเกลียดชังโจทก์และญาติพี่น้องโจทก์ สั่งสอนบุตรธิดาว่าโจทก์เป็นคนเลว และแสดงอาการหมิ่นประมาทเหยียดหยามไม่เคารพบุพการีของโจทก์เป็นการกระทำที่เป็นปฏิปักษ์ต่อการเป็นสามีภรรยากันอย่างร้ายแรงนั้น เห็นว่า ตามที่ได้วินิจฉัยไว้แล้วข้างต้นแล้วว่าพยานหลักฐานของโจทก์ฟังไม่ได้ว่าจำเลยกระทำการดังกล่าวและมีเหตุผลอันสมควรที่ทำให้จำเลยแสดงอาการดูถูกเกลียดชังโจทก์ได้ จึงยังถือไม่ได้ว่าจำเลยได้กระทำการเป็นปฏิปักษ์ต่อการเป็นสามีหรือภรรยากันอย่างร้ายแรง สรุปแล้วยังไม่มีเหตุที่โจทก์จะฟ้องหย่าจำเลยได้ ที่ศาลล่างทั้งสองพิพากษายกฟ้องโจทก์มานั้นชอบแล้ว ฎีกาโจทก์ฟังไม่ขึ้น
พิพากษายืน.