แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ
ย่อสั้น
เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์อนุญาตให้ผู้ร้องซึ่งเป็นผู้ประมูลซื้อทรัพย์จากการขายทอดตลาดขยายระยะเวลานำเงินค่าซื้อทรัพย์มาวางครั้งหนึ่งแล้ว แต่ผู้ร้องไม่ใช้ประโยชน์จากระยะเวลาที่ขยายให้นั้นดำเนินการชำระเงินค่าซื้อทรัพย์ตามคำสั่งของเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์แต่กลับมายื่นคำร้องขอขยายระยะเวลาอีกโดยอ้างเหตุเดียวกับที่ขอขยายระยะเวลาในครั้งแรก เนื่องจากการอนุญาตหรือไม่อนุญาตให้ขยายระยะเวลาดังกล่าวเป็นดุลพินิจ ของเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ซึ่งจะพิจารณาสั่งตามที่เห็น สมควรตามพฤติการณ์แห่งคดี เมื่อเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ ขยายระยะเวลาให้ผู้ร้องครั้งหนึ่งแล้ว จึงไม่มีเหตุที่ศาลจะ กำหนดเวลาให้ผู้ร้องนำเงินค่าซื้อทรัพย์ไปชำระเพราะเท่ากับเป็นการอนุญาตให้ขยายระยะเวลาอีก
ย่อยาว
คดีสืบเนื่องมาจากเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์มีคำสั่งให้ผู้ร้องนำเงินค่าซื้อทรัพย์ไปวางต่อเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ภายใน15 วัน นับแต่วันที่ได้รับมอบหมายผู้ร้องยื่นคำร้องขอขยายเวลาการชำระเงินออกไป 30 วัน เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์อนุญาต ครั้นถึงกำหนดนัดผู้ร้องยื่นคำร้องขอขยายเวลาการชำระเงินออกไปอีก 30 วัน โดยอ้างเหตุเดิม เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ไม่อนุญาต ผู้ร้องเห็นว่า คำสั่งของเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ไม่ชอบ จึงขอให้ศาลเพิกถอนคำสั่งดังกล่าวแล้วกำหนดเวลาให้ผู้ร้องนำเงินไปวางต่อเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์
เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์คัดค้านว่า ผู้ร้องมาร้องเป็นคดีนี้เพื่อประวิงคดีและประวิงการชำระเงินตามสัญญาซื้อทรัพย์ขอให้ยกคำร้อง
ศาลชั้นต้นพิจารณาตามข้อเท็จจริงที่ทั้งสองฝ่ายยอมรับกันแล้วเห็นว่า คำสั่งของเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์เป็นไปโดยชอบจึงให้ยกคำร้องของผู้ร้อง
ผู้ร้องอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
ผู้ร้องฎีกา
ศาลฎีกาแผนกคดีล้มละลายวินิจฉัยว่า “ปัญหาที่ต้องวินิจฉัยตามฎีกาของผู้ร้องว่าคำวินิจฉัยของเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ที่ไม่อนุญาตให้ผู้ร้องขยายเวลาในการชำระเงินค่าซื้อทรัพย์นั้นเป็นการกระทำที่ชอบหรือไม่ ศาลฎีกาเห็นว่า การขายทอดตลาดทรัพย์มีความมุ่งหมายที่จะนำเงินมาชำระหนี้ให้แก่บรรดาเจ้าหนี้ทั้งหลายและในขณะเดียวกันก็ต้องให้ความคุ้มครองจำเลยซึ่งเป็นลูกหนี้ให้เกิดความเสียหายด้วยโดยต้องไม่ปล่อยให้เนิ่นนานเกินความจำเป็น ปรากฏว่าผู้ร้องเป็นผู้ซื้อทรัพย์ได้ตั้งแต่วันที่ 7 สิงหาคม 2538 ตั้งแต่วันประมูลซื้อทรัพย์ จนถึงวันครบกำหนดที่เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์อนุญาตให้ขยายเวลาการนำเงินซื้อทรัพย์มาชำระ คือภายในวันที่ 11 พฤศจิกายน 2539หากผู้ร้องตั้งใจจริงก็ย่อมสามารถขวนขวายหาเงินมาชำระค่าซื้อทรัพย์ได้ไม่น่าปล่อยให้เวลาล่วงเลยนานถึงปีเศษและการประมูลซื้อทรัพย์มีความหมายถึง ผู้ประมูลพร้อมเสมอที่จะชำระเงินประมูลตามเงื่อนไขของการประมูล แต่ผู้ร้องเพิ่งจะขอสินเชื่อจากธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน)สาขาสามยอด ปรากฏตามเอกสารหมายเลข 1 ท้ายฎีกาของผู้ร้อง การที่เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ได้อนุญาตให้ขยายเวลามาครั้งหนึ่งแล้วนับว่าได้เปิดโอกาสให้แก่ผู้ร้องเป็นเวลาพอสมควรแล้ว แต่ผู้ร้องไม่ใช้ประโยชน์จากระยะเวลาที่ขยายให้นั้นดำเนินการชำระเงินค่าซื้อทรัพย์ตามคำสั่งของเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ แต่กลับมายื่นคำร้องขอขยายระยะเวลาอีกในวันสุดท้ายโดยไม่มีพฤติการณ์พิเศษหรือเหตุสุดวิสัยแต่อย่างใดคงอ้างเหตุเดียวกับที่ขอขยายเวลาในครั้งแรก การจะอนุญาตหรือไม่เป็นดุลพินิจของเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ แม้จะฟังได้ตามที่ผู้ร้องฎีกาก็เป็นเรื่องเกี่ยวกับอำนาจจัดการทรัพย์สินของจำเลยตามอำนาจหน้าที่และระเบียบข้อบังคับปฏิบัติของกรมบังคับคดี เมื่ออนุญาตให้ผู้ร้องไปครั้งหนึ่งแล้วก็น่าจะเพียงพอ ศาลฎีกาจึงไม่กำหนดเวลาให้ผู้ร้องนำเงินค่าซื้อทรัพย์ไปชำระตามที่ผู้ร้องฎีกา มิฉะนั้นก็เท่ากับว่าศาลอนุญาตให้ขยายเวลาอีกนั่นเอง ส่วนที่ผู้ร้องว่าเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ได้อนุญาตให้ขยายเวลาในคดีล้มละลายที่ ล. 556/2536 นั้น เห็นว่า การอนุญาตหรือไม่เป็นดุลพินิจของเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ที่จะสั่งตามที่เห็นสมควรในแต่ละกรณีซึ่งพฤติการณ์แห่งคดีอาจไม่ตรงกันที่ศาลอุทธรณ์พิพากษามานั้นศาลฎีกาเห็นพ้องด้วยฎีกาผู้ร้องฟังไม่ขึ้น”
พิพากษายืน