คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1330/2499

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ชายเตะขาหญิงล้มแล้วตบเตะจิกผมขึ้นคร่อมนอนทับแล้วปลดกระดุมกางเกงและเลิกผ้าถุงหญิงขึ้นไปถึงโคนขา หญิงเอามือกดผ้าถุงปิดของลับและยันอกชายไว้ร้องให้คนช่วย ชายอุดปากบีบคอจับนมและจูบแก้มหญิง จนมีคนวิ่งมาร้องถามชายจึงผละหนีไปดังนี้ ย่อมเห็นได้ว่าชายมีเจตนาจะข่มขืนกระทำชำเราหญิง พฤติการณ์จึงเป็นการพยายามข่มขืนกระทำชำเรา
การที่จำเลยพูดกับชายนั้นแล้วเดินตามหญิงมากับชายนั้นขณะที่ชายกอดปล้ำหญิง จำเลยยืนถือมีดห่างหญิง 1 ศอกทั้งยังช่วยตบเตะและพูดขู่ไม่ให้หญิงร้อง เมื่อชายให้จำเลยไปคอยจำเลยก็ไป ตอนที่มีคนวิ่งไล่ชายนั้นจำเลยก็วิ่งหนีแล้วหันกลับมาท้าคนไล่ ชายนั้นยังเอามีดของจำเลยมาขู่คนไล่จนจำเลยกับชายนั้นวิ่งเข้าป่าไปพฤติการณ์เหล่านี้ย่อมส่อแสดงว่าจำเลยได้สมคบกับชายนั้นมาแต่ต้นจำเลยจึงต้องมีความผิดฐานเป็นตัวการด้วย

ย่อยาว

คดีนี้ข้อเท็จจริงได้ความว่าจำเลยกับนายสงเดินตาม น.ส.สลิบกลับจากทำนาถึงทางแยกเข้าบ้านนายสงเตะขา น.ส.สลิบล้มแล้วตบเตะจิกผมจับข้อมือดึงเข้าป่าข้างทาง น.ส.สลิบนอนตะแคงนายสงขึ้นคร่อมนอนทับแล้วแกะกระดุมกางเกงและเลิกผ้าถุง น.ส.สลิบขึ้นไปถึงโคนขา น.ส.สลิบเอามือกดผ้าถุงปิดของลับ อีกมือหนึ่งยันอกนายสงไว้แล้วร้องให้คนช่วยขณะนี้จำเลยยืนถือมีดหัวตัดห่าง น.ส.สลิบ 1 ศอก ตบหน้าเตะ น.ส.สลิบ พูดว่ามึงอย่าร้องนะ นายสงเอามืออุดปากบีบคอจับนมจูบแก้ม น.ส.สลิบ แล้วบอกให้จำเลยไปคอยที่ว่า จำเลยก็ไป นายสงคงนอนทับ น.ส.สลิบอยู่แล้วพูดว่าวันนี้กูจะเอามึงให้ได้นางสวงได้ยินร้องให้ช่วยวิ่งมาร้องถามว่าอะไรกัน นายสงจึงปล่อยน.ส.สลิบวิ่งหนีตามจำเลยไป นายเล็กบิดา น.ส.สลิบวิ่งตามมาทันนายสงกับจำเลยหยุด นายสงคว้ามีดจากจำเลยท้านายเล็กมีคนห้ามจำเลยนายสงจึงวิ่งเข้าป่าไป โจทก์จึงฟ้องขอให้ลงโทษ

ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าจำเลยมีความผิดตามกฎหมายอาญา มาตรา 243,60 จำคุก 4 ปี

จำเลยอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้ว่าจำเลยมีผิดตาม มาตรา 246จำคุก 1 ปี แต่มีผู้พิพากษา 2 นายแย้งว่าจำเลยมีผิดเพียงผู้สมรู้ตามมาตรา 246, 65 ควรจำคุก 8 เดือน

โจทก์ฎีกา

ศาลฎีกาเห็นว่านายสงมีเจตนาจะข่มขืนกระทำชำเราน.ส.สลิบเพราะขณะที่นายสงกอดปล้ำ น.ส.สลิบอยู่นั้นได้พูดว่า “วันนี้กูจะเอามึงให้ได้” และการที่นายสงกอดปล้ำ น.ส.สลิบลงนอนตะแคงกับพื้นดินแล้วแกะกระดุมกางเกงออกและเลิกผ้าถุง น.ส.สลิบขึ้นถึงโคนขา หากน.ส.สลิบเอามือกดผ้าถุงปิดของลับไว้ ถ้านายสงไม่เอาของลับออกมาแล้วจะแกะกระดุมกางเกงด้วยเหตุไร และนายสงย่อมกระทำข่มขืนได้สำเร็จ หากนางสวงออกไปประสบเหตุการณ์มาขัดขวางนายสงเสียนายสงจึงกระทำการข่มขืน น.ส.สลิบไม่ได้สมดังเจตนาอันนับว่าเป็นคั่นใกล้ชิดกับผลที่ที่สุด ยังคงเหลือแต่เวลาเท่านั้น นายสงจะเอาของลับออกมานอกกางเกงหรือไม่นั้นไม่สำคัญ สำคัญอยู่ว่านายสงมีเจตนาจะกระทำชำเรา น.ส.สลิบมากกว่าขู่และน.ส.สลิบก็มีอายุพ้นจากการเป็นเด็กรับอวัยวะสืบพันธ์ของชายได้ มิใช่ว่าไม่สามารถจะล่วงล้ำเข้าไปจนเป็นความผิดสำเร็จไม่ได้ พฤติการณ์ของนายสงจึงเป็นการพยายามข่มขืนกระทำชำเรา น.ส.สลิบ

ส่วนจำเลยนี้ได้ความว่าไปยืนสูบบุหรี่พูดซุบซิบกับนายสง เมื่อเลิกดำนาจำเลยกับนายสงเดินตาม น.ส.สลิบไป ขณะที่นายสงกอดปล้ำน.ส.สลิบจำเลยยืนถือมีดยืนอยู่ห่าง น.ส.สลิบราว 3 ศอก พูดว่ามึงอย่าร้องนะ (ทั้งได้ตบเตะ น.ส.สลิบด้วย) ครู่หนึ่งนายสงบอกให้จำเลยไปคอยจำเลยก็ไป เมื่อนายเล็กวิ่งไล่นายสง จำเลยก็วิ่งไปข้างหน้า แล้วนายสงกับจำเลยหยุดหันมาท้านายเล็ก นายสงเอามีดจากจำเลยมาถือขู่นายเล็กจนนายสงกับจำเลยวิ่งเข้าป่าไปพฤติการณ์เหล่านี้แสดงว่าจำเลยได้สมคบกับนายสงมาตั้งแต่ต้นที่กระทำความผิดดังกล่าวแล้วจำเลยจึงมีความผิดฐานเป็นตัวการ

จึงพิพากษาแก้ให้บังคับคดีลงโทษจำเลยตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น

Share