คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1062/2499

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

เพียงแต่สันนิษฐานตามท้องสำนวนว่าผู้ตายอาจตายเพราะอาการป่วยอย่างอื่นเช่นนี้ไม่เป็นการวินิจฉัยข้อเท็จจริงเกินสำนวน
เมื่อเห็นผู้ตายชุลมุนกับเพื่อนของตนก็ส่งมีดให้จำเลยอีกคนหนึ่งจำเลยคนนั้นก็โดดเข้าแทงผู้ตายดังนี้ได้ชื่อว่าสมคบในการทำร้ายรายนี้
พอเพื่อนของตนถูกผู้ตายเตะจำเลยก็ลุกขึ้นก่อนผู้ตายและพูดว่าอ้ายนี้มันเก่งเอาให้ตาย และต่อไปได้ความว่าเมื่อจำเลยอีกคนหนึ่งเข้าไปแทงผู้ตายดิ้นจะให้หลุดก็ไม่ยอมปล่อยจนจำเลยอีกคนหนึ่งได้แทงผู้ตายถึง 4 ที จึงได้ปล่อย พฤติการณ์เช่นนี้แสดงว่าจำเลยมีเจตนาสมคบในการทำร้ายรายนี้ด้วย

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่าจำเลยสมคบกันใช้มีดแทงนายเคลือบตายโดยเจตนา ขอให้ลงโทษ
จำเลยทั้งสองปฏิเสธ แต่ระหว่างพิจารณาจำเลยที่ ๑ ขอถอนคำให้การเดิมกลับรับสารภาพ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่านายเจ๊กจำเลยผิดตาม ก.ม.อาญา ม.๒๕๔ ให้จำคุก ๑๘ เดือน ลดฐานรับสารภาพ ๑ ใน ๓ คงจำคุกนายเจ๊ก ๑๒ เดือน ให้ยกฟ้องเฉพาะนายสีนวน นายชุ่มจำเลย
โจทก์อุทธรณ์ ขอให้ลงโทษจำเลยทั้งสามตามฟ้อง
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้ว่านายสีนวนนายชุ่ม จำเลยมีความผิดตาม ก.ม.อาญา ม.๒๕๔ ให้จำคุกคนละ ๑ ปี นอกจากที่แก้นี้คงยืน
โจทก์และนายสีนวนและนายชุ่มฎีกา แต่สำหรับฎีกาโจทก์นั้นศาลชั้นต้นคงสั่งรับข้อเดียวเฉพาะในข้อที่ว่าศาลอุทธรณ์พิพากษาข้อเท็จจริง เกินสำนวนหรือไม่เท่านั้น
ศาลฎีกาเห็นว่าข้อที่ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่าผู้ตายอาจตายเพราะอาการป่วยอย่างอื่นเป็นการสันนิษฐานตามท้องสำนวนนั้นเอง ไม่ได้วินิจฉัยข้อเท็จจริงเกินสำนวน
เมื่อคดีได้ความว่านายสีนวนส่งมีดให้นายเจ๊กจำเลย ๆ ก็โดดเข้าแทงนายเคลือบดังนี้ แสดงว่านายสีนวนได้สมคบในการทำร้ายรายนี้ด้วย ส่วนนายชุ่มได้ความว่าพอนายสีนวนถูกผู้ตาย เตะก็ลุกขึ้นกอดผู้ตายและพูดว่าอ้ายนี่มันเก่งเอาให้ตาย และได้ความต่อไปว่าเมื่อนายเจ๊กจำเลยเข้าไปแทงผู้ตาย ๆ ดิ้นจะให้หลุดแต่นายชุ่มจำเลยไม่ยอมปล่อยจนนายเจ๊กจำเลยแทงผู้ตายถึง ๔ ทีจึงได้ปล่อย ตามพฤติการณ์ดังกล่าวแสดงว่านายชุ่มจำเลยมีเจตนาสมคบในการทำร้ายรายนี้ด้วย พิพากษายืน

Share