คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1329/2496

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ลูกจ้างขับรถยนต์ไปส่งนายจ้างลงรับประทานอาหารแล้วลูกจ้างขับรถยนต์นั้นไปที่อื่นโดยพละการมิได้รับความยินยอมจากนายจ้าง แล้วไปชนคนตาย ดังนี้ นายจ้างไม่ต้องรับผิดร่วมกับลูกจ้างด้วย
ทั้งลูกจ้างและนายจ้างให้การปฏิเสธ และนำสืบปฏิเสธว่าไม่ได้เป็นลูกจ้างนายจ้างซึ่งกันและกันตอนหนึ่ง และอีกตอนหนึ่งว่าขณะชนคนตายลูกจ้างขับรถยนต์ไปในกิจส่วนตัวของลูกจ้างไม่ใช่ไปตามทางการที่จ้าง ดังนี้ แม้ศาลจะไม่เชื่อคำพยานตอนที่อ้างว่าไม่เป็นนายจ้างลูกจ้างกันก็ดี ศาลก็ยังเชื่อคำพยานตอนที่ว่าขณะเกิดเหตุไม่ได้อยู่ในทางการที่จ้างกันได้

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่าจำเลยที่ ๑ เป็นลูกจ้างจำเลยที่ ๒ จำเลยที่ ๑ ขับรถยนต์ของจำเลยที่ ๒ ตามหน้าที่ ชนนางสาวลัดดา บุตรีโจทก์ถึงแก่ความตาย ทั้งนี้โดยประมาทเลินเล่อของจำเลยที่ ๑ จึงขอให้จำเลยทั้ง ๒ รับผิดใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์
จำเลยทั้งสองปฎิเสธว่ามิได้เป็นลูกจ้างนายจ้างซึ่งกันและกัน จำเลยที่ ๑ ขับรถยนต์ขับรถยนต์ของจำเลยที่ ๒ ไปกิจธุระส่วนตัวจำเลยที่ ๑ โดยจำเลยที่ ๒ ไม่รู้เห็นด้วย
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้ว พิพากษาให้จำเลยทั้งสองรับผิดใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์เป็นเงิน ๔๐,๐๐๐ บาท
จำเลยทั้งสองอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้ให้ยกฟ้องเฉพาะจำเลยที่ ๒
โจทก์และจำเลยที่ ๑ ฎีกา
ศาลฎีกาฟังว่า จำเลยที่ ๑ เป็นลูกจ้างจำเลยที่ ๒ จริง แต่เมื่อจำเลยที่ ๑ ขับรถยนต์พาจำเลยที่ ๒ กับพวกมาแวะกินอาหารที่ร้านบางกระบือแล้ว จำเลยที่ ๑ ขับรถไปที่อื่นเสียและไปชนบุตรโจทก์ตาย จำเลยที่ ๑ จะขับรถไปเพื่อถ่ายอุจจาระจริงหรือไม่ ไม่สำคัญ แต่ไม่ใช่ขับไปในหน้าที่ทางการงานของจำเลยที่ ๒ ผู้เป็นนายจ้าง จำเลยที่ ๑ ขับไปโดยพละการและไม่ได้รับความยินยอมจากจำเลยที่ ๒ จำเลยที่ ๒ จึงไม่ต้องรับผิดร่วมด้วย
จึงพิพากษายืน

Share