คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1328/2535

แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ

ย่อสั้น

บริษัทโจทก์ฟ้องจำเลยขอให้ส่งรถคืน ต่อมาที่ประชุมใหญ่ผู้ถือหุ้นมีมติให้ พ.กับท. พ้นจากตำแหน่งกรรมการของโจทก์ หลังจากนั้น พ.กับท. อ้างว่าเป็นกรรมการร่วมกันลงชื่อ และประทับตราสำคัญของโจทก์ ยื่นคำร้องขอถอนฟ้องคดีนี้ศาลอนุญาต ดังนี้ เมื่อหนังสือรับรองของโจทก์ท้ายฟ้องปรากฏมีชื่อพ.กับท. เป็นกรรมการของโจทก์ โดยไม่มีการจดทะเบียนถอนชื่อ พ.กับท. ออกจากการเป็นกรรมการ จึงต้องถือว่าพ.กับท. ยังไม่ได้พ้นจากการเป็นกรรมการของโจทก์ ทั้งข้อบังคับของโจทก์ก็มิได้มีข้อห้ามหรือข้อจำกัดอำนาจกรรมการในเรื่องนี้ ถือว่า พ.กับท. ได้ขอถอนฟ้องแทนโจทก์แล้วโจทก์จะกลับมาขอให้ศาลเพิกถอนคำสั่งอนุญาตหาได้ไม่ แม้จำเลยจะเป็นบุตรของ พ.และเป็นน้องภรรยาของท. ก็ตามแต่การที่ พ.กับท. ขอถอนฟ้องในนามของโจทก์จะถือว่าประโยชน์ทางได้ทางเสียของโจทก์กับของ พ.กับท. เป็นปฏิปักษ์แก่กันตาม ป.พ.พ. มาตรา 80 หาได้ไม่เพราะการขอถอนฟ้องจะเป็นผลดีและผลเสียต่อโจทก์ ผลนั้นย่อมตกแก่ พ.กับท. ในฐานะกรรมการของโจทก์ด้วยในลักษณะอย่างเดียวกัน.

ย่อยาว

คดีนี้สืบเนื่องมาจากโจทก์ โดยนายศักดา บุญยรักษ์ และนายวิชัย นิวาตวงศ์ กรรมการ ฟ้องขอให้บังคับจำเลยส่งมอบรถยนต์ส่วนบุคคล 2 คัน ในสภาพดีแก่โจทก์ หากคืนไม่ได้ให้ใช้ราคา 500,000บาท และ 800,000 บาท โดยลำดับแก่โจทก์ ให้จำเลยใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์เดือนละ 20,000 บาท นับแต่วันฟ้องจนกว่าจำเลยจะคืนรถยนต์ทั้งสองคันดังกล่าวแก่โจทก์
จำเลยให้การต่อสู้คดี ขอให้ยกฟ้องโจทก์
ขณะคดีอยู่ระหว่างการพิจารณาของศาลแรงงานกลางโจทก์โดยนายพยัพ ศรีกาญจนา และหม่อมราชวงศ์ทินศักดิ์ ศักดิเดช ภาณุพันธ์กรรมการ ยื่นคำร้องลงวันที่ 18 ตุลาคม 2534 ขอถอนฟ้องคดีนี้ศาลแรงงานกลางอนุญาต
ต่อมาวันที่ 24 ตุลาคม 2534 โจทก์ยื่นคำร้องต่อศาลแรงงานกลางว่านายพยัพและหม่อมราชวงศ์ทินศักดิ์ไม่ได้รับมอบหมายจากคณะกรรมการของโจทก์ให้ถอนฟ้องคดีนี้ การที่บุคคลทั้งสองแอบอ้างชื่อโจทก์มาถอนฟ้องคดีนี้เป็นการฝ่าฝืนข้อบังคับของโจทก์ตามเอกสารท้ายคำร้อง โดยเฉพาะบุคคลทั้งสองทราบดีอยู่แล้วว่าที่ประชุมใหญ่ผู้ถือหุ้นของโจทก์ สมัยวิสามัญครั้งที่ 1/2534เมื่อวันที่ 8 กรกฎาคม 2534 ได้มีมติให้บุคคลทั้งสองพ้นจากตำแหน่งกรรมการไปแล้ว บุคคลทั้งสองดังกล่าวไม่ใช่ผู้ฟ้องคดี ไม่ชอบที่จะแอบอ้างมาถอนฟ้องคดีนี้จำเลยเป็นบุตรของนายพยัพและเป็นน้องภรรยาของหม่อมราชวงศ์ทินศักดิ์บุคคลทั้งสามเป็นพวกเดียวกันร่วมคบคิดกันถอนฟ้องคดีนี้โดยฉ้อฉล เป็นการไม่สุจริต ทำให้โจทก์เสียหาย ขอให้เพิกถอนคำสั่งที่อนุญาตให้ถอนฟ้อง
ศาลแรงงานกลางสั่งว่าเอกสารท้ายฟ้อง ระบุว่า กรรมการสองคนลงชื่อร่วมกัน และประทับตราสำคัญของโจทก์ ผูกพันโจทก์ได้นายพยัพและหม่อมราชวงศ์ทินศักดิ์ ต่างเป็นกรรมการของโจทก์อีกทั้งตามคำร้องของโจทก์ระบุว่าตราสำคัญที่ประทับในการถอนฟ้องเป็นตราสำคัญของโจทก์ จึงถือว่านายพยัพและหม่อมราชวงศ์ทินศักดิ์ได้กระทำการในนามโจทก์ การสั่งอนุญาตให้ถอนฟ้องจึงเป็นคำสั่งที่ชอบแล้ว ไม่มีเหตุที่จะเพิกถอนหรือสั่งเป็นอย่างอื่นให้ยกคำร้อง
โจทก์อุทธรณ์ต่อศาลฎีกา
ศาลฎีกาแผนกคดีแรงงานวินิจฉัยว่า “มีปัญหาที่จะวินิจฉัยว่านายพยัพและหม่อมราชวงศ์ทินศักดิ์มีอำนาจถอนฟ้องคดีนี้แทนโจทก์หรือไม่ ที่โจทก์อุทธรณ์ว่าการที่นายพยัพและหม่อมราชวงศ์ทินศักดิ์ร่วมกันลงลายมือชื่อและประทับตราสำคัญของโจทก์ แต่งตั้งทนายความและยื่นคำร้องขอถอนฟ้องคดีนี้ ไม่ใช่เป็นการกระทำแทนและในนามโจทก์ เพราะโจทก์ไม่มีมติที่จะถอนฟ้อง ขัดต่อข้อบังคับของโจทก์และที่ประชุมใหญ่ผู้ถือหุ้นของโจทก์ สมัยวิสามัญครั้งที่ 1/2534ได้มีมติให้นายพยัพและหม่อมราชวงศ์ทินศักดิ์พ้นจากตำแหน่งกรรมการของโจทก์ไปแล้วนั้น เห็นว่า ตามหนังสือรับรองเอกสารท้ายฟ้องปรากฏว่านายพยัพและหม่อมราชวงศ์ทินศักดิ์เป็นกรรมการของโจทก์โดยไม่มีการจดทะเบียนถอนชื่อบุคคลทั้งสองจากการเป็นกรรมการของโจทก์ ต้องถือว่านายพยัพและหม่อมราชวงศ์ทินศักดิ์ไม่ได้พ้นจากการเป็นกรรมการของโจทก์ และตามหนังสือรับรองข้อ 3 ระบุว่า จำนวนหรือชื่อกรรมการที่ลงชื่อผูกพันโจทก์ได้ คือกรรมการสองคนลงลายมือชื่อร่วมกันและประทับตราสำคัญของโจทก์ ประกอบกับตามหนังสือรับรองดังกล่าวและข้อบังคับของโจทก์ตามเอกสารท้ายคำร้องของโจทก์ฉบับลงวันที่ 24 ตุลาคม 2534 ไม่มีข้อห้ามหรือข้อจำกัดอำนาจของกรรมการว่าถ้าโจทก์ไม่มีมติให้ถอนฟ้องคดีใด กรรมการของโจทก์จะทำการแทน โจทก์ขอถอนฟ้องคดีนั้นไม่ได้ จึงเห็นว่าการที่นายพยัพและหม่อมราชวงศ์ทินศักดิ์ลงลายมือชื่อร่วมกันและประทับตราสำคัญของโจทก์ขอถอนฟ้องคดีนี้ ถือได้ว่านายพยัพและหม่อมราชวงศ์ทินศักดิ์ในฐานะกรรมการของโจทก์ได้ขอถอนฟ้องคดีนี้แทนโจทก์ ส่วนที่โจทก์อุทธรณ์ว่าการกระทำของนายพยัพและหม่อมราชวงศ์ทินศักดิ์เป็นการกระทำอันเป็นปฏิปักษ์กับผลประโยชน์ทางได้ทางเสียของโจทก์จำเลยเป็นบุตรของนายพยัพและเป็นน้องภรรยาของหม่อมราชวงศ์ทินศักดิ์ถือว่าเป็นพวกเดียวกัน นายพยัพและหม่อมราชวงศ์ทินศักดิ์จึงไม่สามารถกระทำการแทนโจทก์ได้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 80 นั้น เห็นว่าการขอถอนฟ้องคดีนี้จะเป็นผลดีหรือผลเสียต่อโจทก์ ผลดีหรือผลเสียนั้นย่อมตกได้แก่นายพยัพและหม่อมราชวงศ์ทินศักดิ์ในฐานะที่เป็นกรรมการของโจทก์ด้วยในลักษณะอย่างเดียวกันจะถือว่าประโยชน์ทางได้ทางเสียของโจทก์กับของนายพยัพและหม่อมราชวงศ์ทินศักดิ์ในการถอนฟ้องคดีนี้เป็นปฏิปักษ์ต่อกันดังที่บัญญํติในประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 80 ไม่ได้และด้วยเหตุดังวินิจฉัยแล้วจึงเห็นว่านายพยัพและหม่อมราชวงศ์ทินศักดิ์มีอำนาจถอนฟ้องคดีนี้แทนโจทก์ได้ที่ศาลแรงงานกลางอนุญาตให้โจทก์ถอนฟ้อง ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วย อุทธรณ์ของโจทก์ฟังไม่ขึ้น”
พิพากษายืน.

Share