คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1327/2523

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

โจทก์ฟ้องว่าจำเลยเข้าไปยึดถือครอบครองทางสาธารณะกว้างประมาณ 3 เมตร ยาวประมาณ 26 เมตร ขอให้ลงโทษตาม ประมวลกฎหมายที่ดิน พ.ศ. 2497 มาตรา 9, 108 ทวิ ประกาศของคณะปฏิวัติฉบับที่ 96 ลงวันที่ 29 กุมภาพันธ์ 2515 ข้อ 11 และสั่งจำเลยและบริวารรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างออกจากที่ดินของรัฐ เมื่อจำเลยให้การรับสารภาพศาลมีอำนาจพิพากษาให้จำเลยและบริวารรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างออกไป จากที่ดินที่บุกรุกได้ แม้ยังไม่ทราบแนวเขตที่แน่นอน เพราะเป็นปัญหาที่พิจารณาได้ในชั้นบังคับคดี

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยเข้าไปยึดถือครอบครองทางสาธารณะซึ่งเป็นสาธารณะสมบัติของแผ่นดินที่ประชาชนใช่ร่วมกัน กว้างประมาณ ๓ เมตร ยาวประมาณ ๒๖ เมตร เนื้อที่ประมาณ ๗๘ ตารางวา โดยจำเลยปลูกต้นไม้ และทำรั้วปิดกั้นในทางสาธารณะดังกล่าว โดยมิได้มีสิทธิครอบครองและมิได้รับอนุญาต ขอให้ลงโทษตาม ประมวลกฎหมายที่ดิน พ.ศ. ๒๔๙๗ มาตรา ๙, ๑๐๘ ทวิ
ประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับที่ ๙๖ ลงวันที่ ๒๙ กุมภาพันธ์ ๒๕๑๕ ข้อ ๑๑ สั่งจำเลยและบริวารรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างออกไปจากที่ดินของรัฐที่ยึดถือครอบครอง
จำเลยให้การรับสารภาพ และแถลงว่าฝ่ายจังหวัดว่าจำเลยบุกรุกที่สาธารณะกว้าง ๒ เมตร ฝ่ายอำเภอว่า ๓ เมตร จำเลยจึงไม่ทราบว่ากว้างเท่าไรแน่
ศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่า จำเลยรุกล้ำที่สาธารณะเป็นจำนวนเท่าใดนั้นเป็นประเด็นทางแพ่ง พิพากษาว่าจำเลยมีความผิดตาม ประมวลกฎหมายที่ดิน พ.ศ. ๒๔๙๗ มาตรา ๙, ๑๐๘ ทวิ
ประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับที่ ๙๖ ลงวันที่ ๒๙ กุมภาพันธ์ ๒๕๑๕ ข้อ ๑๑ ปรับ ๑,๐๐๐ บาท รับสารภาพ ลดโทษให้กึ่งหนึ่งคงปรับ ๕๐๐ บาท
โจทก์อุทธรณ์ ขอให้ลงโทษจำคุกและสั่งจำเลยกับบริวารรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างออกจากที่ดินของรัฐ
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้ว่า ให้จำเลยและบริวารรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างออกจากสาธารณะสมบัติของแผ่นดินที่จำเลยบุกรุก นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ที่จำเลยฎีกาว่าศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่า จำเลยบุกรุกที่สาธารณะสมบัติของแผ่นดินกว้างประมาณ ๓ เมตร เป็นรับฟังข้อเท็จจริงนอกเหนือพยานหลักฐานในสำนวนนั้น ฟ้องกล่าวว่าจำเลยเข้าไปยึดถือครอบครองทางสาธารณะมีความกว้างประมาณ ๓ เมตร จำเลยให้การรับสารภาพ ข้อเท็จจริงย่อมฟังได้ตามฟ้อง ที่จำเลยแถลงว่าฝ่ายจังหวัดว่าจำเลยบุกรุกกว้าง ๒ เมตร ฝ่ายอำเภอว่า กว้าง ๓ เมตร ข้อแถลงของจำเลยอันที่จริงก็คือกว้างประมาณ ๓ เมตร ตรงตามฟ้องนั่นเอง ศาลอุทธรณ์หาได้รับฟังข้อเท็จจริงนอกเหนือพยานหลักฐานในสำนวนไม่ ส่วนที่จำเลยว่าที่ดินที่จำเลยบุกรุกยังไม่ทราบแนวเขตที่แน่นอน ไม่ชอบที่ศาลอุทธรณ์จะพิพากษาให้จำเลยและบริวารรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างออกไปนั้น เห็นว่าแนวเขตที่ดินที่แน่นอนมีเพียงใดเป็นปัญหาที่พิจารณาได้ในชั้นบังคับคดี จำเลยจะยกขึ้นเถียง เพื่อมิให้ถูกรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างไม่ได้ ศาลอุทธรณ์พิพากษาชอบแล้ว
พิพากษายืน

Share