คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1326/2530

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

โจทก์ยอมรับผลการประเมินของเจ้าพนักงานประเมินที่เรียกเก็บภาษีเงินได้นิติบุคคลและเงินเพิ่มจากโจทก์สำหรับปี 2516 และ 2517 โดยโจทก์มิได้อุทธรณ์คัดค้าน และโจทก์ได้ชำระเงินตามที่เจ้าพนักงานประเมินให้แก่จำเลยแล้ว ย่อมถือได้ว่าการประเมินของเจ้าพนักงานประเมินดังกล่าวชอบแล้ว และเป็นอันยุติ โจทก์จะรื้อฟื้นขึ้นมาโต้เถียงเป็นอย่างอื่นอีกโดยอ้างว่ารู้เท่าไม่ถึงการณ์หาได้ไม่ ดังนี้จึงฟังไม่ได้ว่ายังมียอดขาดทุนสุทธิยกมาไม่เกิน 5 ปีก่อนรอบระยะเวลาบัญชีปี 2518 ค้างอยู่อีก

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยที่ ๒ ซึ่งเป็นเจ้าพนักงานประเมินของจำเลยที่ ๑ มีคำสั่งให้โจทก์ชำระภาษีเงินได้นิติบุคคลสำหรับปี ๒๕๑๘ และเงินเพิ่มโจทก์อุทธรณ์การประเมินต่อจำเลยที่ ๓ ที่ ๔ และที่ ๕ ในฐานะคณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์ จำเลยที่ ๓ ที่ ๔ และที่ ๕ วินิจฉัยว่า โจทก์ยอมรับและชำระภาษีปี ๒๕๑๖ กับปี ๒๕๑๗ แล้ว จึงไม่มีสิทธิหยิบยกข้อมูลของทั้ง ๒ ปีนั้น ซึ่งมีความเกี่ยวข้องกับการคำนวณภาษีปี ๒๕๑๘ มาคำนวณผลกำไรสุทธิเพื่อเสียภาษีของปี ๒๕๑๘ ให้โจทก์ชำระภาษีเงินได้ ๑๓๗,๒๖๕ บาท โจทก์เห็นว่าในปี ๒๕๑๖ และ ๒๕๑๗ โจทก์มียอดขาดทุนสุทธิ เมื่อนำยอดขาดทุนสุทธิดังกล่าวมาหักออกจากกำไรสุทธิของปี ๒๕๑๘ แล้ว โจทก์ยังขาดทุนอีก จึงไม่ต้องเสียภาษีในปี ๒๕๑๘ ขอให้เพิกถอนการประเมินและคำวินิจฉัยอุทธรณ์
จำเลยทั้งห้าให้การว่า เจ้าพนักงานประเมินได้ประเมินภาษีเงินได้ของโจทก์สำหรับปี ๒๕๑๖ กับปี ๒๕๑๗ โจทก์นำเงินภาษีดังกล่าวมาชำระโดยมิได้อุทธรณ์คัดค้านการประเมิน ส่วนในปี ๒๕๑๘ โจทก์มีกำไรสุทธิ และไม่มียอดขาดทุนสุทธิในระยะเวลาไม่เกิน ๕ รอบปีบัญชีมาหักแต่อย่างใด การประเมินถูกต้องแล้ว
ศาลภาษีอากรกลางพิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์ต่อศาลฎีกา
ศาลฎีกาแผนกคดีภาษีอากรวินิจฉัยว่า เมื่อโจทก์ยอมรับผลการประเมินของเจ้าพนักงานประเมินที่เรียกเก็บภาษีเงินได้และเงินเพิ่มจากโจทก์สำหรับปี ๒๕๑๖ และ ๒๕๑๗ โดยโจทก์มิได้อุทธรณ์คัดค้านการประเมิน และโจทก์ได้ชำระเงินค่าภาษีเงินได้และเงินเพิ่มตามที่เจ้าพนักงานประเมินมีคำสั่งให้ชำระนั้นแก่จำเลยแล้ว ย่อมถือได้ว่าการประเมินของเจ้าพนักงานประเมินดังกล่าวชอบแล้วและเป็นอันยุติ โจทก์จะรื้อฟื้นขึ้นมาโต้เถียงเป็นอย่างอื่นอีกโดยอ้างว่ารู้เท่าไม่ถึงการณ์หาได้ไม่ เมื่อเป็นเช่นนี้จึงฟังไม่ได้ว่ายังมียอดขาดทุนสุทธิยกมาไม่เกิน ๕ ปีก่อนรอบระยะเวลาบัญชีปี ๒๕๑๘ ค้างอยู่อีกโจทก์มิได้อุทธรณ์ว่ากำไรสุทธิของโจทก์ในปี ๒๕๑๘ ซึ่งเจ้าพนักงานประเมินคิดคำนวณได้เป็นเงิน ๕๙๙,๑๔๕ บาท ๒๕ สตางค์นั้นไม่ถูกต้อง ดังนั้นการที่เจ้าพนักงานประเมินได้ประเมินและมีคำสั่งให้โจทก์ชำระภาษีเงินได้และเงินเพิ่มสำหรับปี ๒๕๑๘ จึงเป็นการชอบแล้ว
พิพากษายืน.

Share