แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยฉ้อฉลหลอกลวงให้ถอนชื่อโจทก์และสามีออกจากโฉนดแล้วลงชื่อจำเลย จึงขอให้ศาลถอนชื่อจำเลยออกจากโฉนดคืนที่ดินแก่โจทก์
จำเลยให้การปฏิเสธว่าไม่มีกลฉ้อฉลเท่านั้น จึงไม่มีประเด็นเรื่องการบอกล้างโมฆียะกรรมหรือไม่ และการบอกล้างโมฆียะกรรมหรือไม่ก็ไม่เกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชนดังมาตรา 142(5)ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งอนุญาตให้ศาลหยิบยกขึ้นวินิจฉัยได้
กำหนดเวลาบอกล้างโมฆียะกรรม ไม่ใช่อายุความฟ้องร้อง
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยทำการฉ้อฉลหลอกลวงโจทก์ให้ถอนชื่อโจทก์กับสามีโจทก์ออกจากที่ดินมีโฉนด แล้วลงชื่อจำเลย จึงขอให้ศาลเพิกถอนชื่อจำเลยออกจากโฉนดโอนที่ดินคืนแก่โจทก์
จำเลยต่อสู้ว่า ไม่มีการฉ้อฉลกับต่อสู้ว่า จำเลยโอนโฉนดรับมรดกสามีโจทก์มาโดยชอบ ที่ส่วนของโจทก์ ๆ ขายให้แก่จำเลยแล้ว
ศาลชั้นต้นเห็นว่า โจทก์มิได้บอกล้างโมฆียะกรรมภายใน 1 ปี จึงหมดสิทธิที่จะบอกล้าง พิพากษาให้ยกฟ้อง
ศาลอุทธรณ์เห็นว่า จำเลยมิได้ยกอายุความขึ้นต่อสู้ ศาลจะอ้างเอาอายุความเป็นมูลยกฟ้องไม่ได้ พิพากษากลับให้ศาลชั้นต้นดำเนินการพิจารณาพิพากษาใหม่
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่า ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 131(2), 141(5) และ 142 บังคับให้ศาลพิพากษาคดีตามประเด็นที่ต่อสู้กัน เรื่องนี้จำเลยปฏิเสธว่า ไม่มีกลฉ้อฉลเท่านั้น ไม่มีประเด็นเรื่องการบอกล้างโมฆียะกรรมเลยและการบอกล้างโมฆียะกรรมหรือไม่ ในคดีนี้ก็ไม่เกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชนดังมาตรา 142 อนุญาต ให้ศาลหยิบยกขึ้นวินิจฉัยได้
จึงพิพากษายืน