แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
โจทก์ฟ้องเรียกหนี้เงินกู้ โดยบรรยายปีที่กู้สลับกัน ไม่เรียงลำดับแต่ละปีแต่ได้อ้างเอกสารสำเนาสัญญากู้แต่ละฉบับมาท้ายฟ้อง ตรงกับคำบรรยายฟ้องและไม่ขัดกับเอกสาร ดังนี้ ฟ้องของโจกท์ไม่เคลือบคลุม
ป. กู้เงินของสามีโจทก์ไป และมอบนาให้ทำกินต่างดอกเบี้ยตลอดมาต่อมา ป. ตาย จำเลยในฐานะผู้จัดการมรดกของ ป. ได้มอบนานั้นให้ทำต่างดอกเบี้ยจนกระทั่งสามีโจกท์ตายและเมื่อสามีโจกท์ตายแล้ว จำเลยก็มอบนาดังกล่าวให้โจกท์ซึ่งเป็นผู้รับมรดกของสามีทำนาต่างดอกเบี้ยต่อมาอีกดังนี้ ถือได้ว่าจำเลยได้ปฎิบัติการชำระดอกเบี้ยด้วยการให้ทำนา เป็นการรับสารภาพต่อเจ้าหนี้ตามสิทธิเรียกร้องด้วยการส่งดอกเบี้ยตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 172 เป็นเหตุให้อายุความสะดุดหยุดลง (อ้างฎีกาประชุมใหญ่ที่ 159/2513)
หนี้กู้ยืมที่ไม่ได้กำหนดระยะเวลาอันพึงชำระหนี้ไว้นั้น เจ้าหนี้จะฟ้องให้ชำระหนี้ที่ยืมไปโดยไม่ต้องบอกกล่าวก็ได้ (อ้างฎีกาที่ 873/2518)
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า โจทก์เป็นภรรยาและผู้รับมรดกตามพินัยกรรมของนายจันทร์ผู้ตาย จำเลยเป็นผู้จัดการมรดกของนายโป่ยผู้ตายตามคำสั่งศาล นายโป่ยได้ทำสัญญากู้เงินจากนายจันทร์ไป 7 ครั้ง คือ เมื่อวันที่ 23 มกราคม 2498กู้ไป 3,000 บาท วันที่ 15 เมษายน 2511 กู้ไป 1,500 บาท วันที่ 20 มกราคม2492 กู้ไป 800 บาท วันที่ 20 มกราคม 2491 กู้ไป 800 บาท วันที่ 20 มกราคม2490 กู้ไป 800 บาท วันที่ 20 มกราคม 2493 กู้ไป 800 บาท วันที่ 20 มกราคม 2494 กู้ไป 800 บาท รวม 8,500 บาท นายโป่ยได้มอบที่นาทุ่งหัวนมนางให้นายจันทร์ทำกินต่างดอกเบี้ยเรื่อยมาเมื่อเดือนธันวาคม 2513 นายโป่ยสามีจำเลยตาย จำเลยซึ่งเป็นผู้จัดการมรดกได้ให้โจทก์ทำนาต่างดอกเบี้ยเรื่อยมาเป็นการรับสภาพหนี้ ต่อมาจำเลยจะขายนาแปลงนี้ โจทก์จึงทวงถามให้ชำระหนี้ จำเลยไม่ชำระ ขอให้ศาลบังคับจำเลยชำระเงิน 8,500 บาท แก่โจทก์
จำเลยให้การว่า จำเลยเป็นผู้จัดการมรดกของนายโป่ยตามคำสั่งศาลจริงโจทก์จะเป็นภรรยานายจันทร์และนายจันทร์จะทำพินัยกรรมยกทรัพย์ให้โจทก์จริงหรือไม่จำเลยไม่ทราบและไม่รับรอง นายโป่ยไม่เคยกู้เงินนายจันทร์สัญญากู้ทั้ง 7 ฉบับเป็นสัญญาปลอมที่โจทก์กับพวกสมคบกันทำขึ้น นาที่ทุ่งหัวนมนางนั้นนายโป่ยให้นายจันทร์เช่าทำไม่ใช่ให้ทำนาต่างดอกเบี้ย หากจะฟังว่านายโป่ยกู้เงินนายจันทร์จริง ฟ้องของโจทก์ก็ขาดอายุความแล้ว เพราะสัญญากู้ตั้งแต่ฉบับลงวันที่ 20 มกราคม 2490 ถึงฉบับลงวันที่ 23 มกราคม 2498 รวม 6 ฉบับไม่ได้กำหนดวันชำระหนี้ไว้ เมื่อนับแต่วันกู้ยืมตามสัญญาถึงวันฟ้องเป็นเวลาเกินกว่า 10 ปี นอกจากนี้โจทก์นำสัญญากู้มาฟ้องกองมรดกของนายโป่ยภายหลังที่นายโป่ยถึงแก่กรรมเกินกว่า 1 ปีแล้ว โจทก์ไม่เคยทวงถามให้จำเลยชำระและจำเลยไม่เคยขอรับมรดกที่นาทุ่งหัวนมนางเพื่อจะเอามาขายตามที่โจทก์ฟ้อง ฟ้องโจทก์เคลือบคลุม
คดีนี้ ครั้งแรกศาลชั้นต้นวินิจฉัยเฉพาะประเด็นเรื่องอายุความโดยว่าคดีโจทก์ขาดอายุความ พิพากษายกฟ้อง โจทก์อุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่าฟ้องโจทก์ไม่ขาดอายุความให้ศาลชั้นต้นวินิจฉัยทุกประเด็นที่กำหนดไว้ เว้นแต่ประเด็นเรื่องอายุความให้ถือตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ จำเลยฎีกา ศาลฎีกาพิพากษายกคำพิพากษาศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ ให้ศาลชั้นต้นพิจารณาพิพากษาใหม่ตามรูปคดี
ศาลชั้นต้นพิจารณาใหม่แล้วพิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับ ให้จำเลยชำระเงิน 4,000 บาทแก่โจทก์
จำเลยฎีกา
คดีมีปัญหามาสู่ศาลฎีการวม 5 ประเด็น ซึ่งศาลฎีกาได้วินิจฉัยดังนี้
ปัญหาข้อแรก ฟ้องโจทก์เคลือบคลุมหรือไม่ วินิจฉัยว่า ตามบรรยายฟ้องของโจทก์ แม้จะบรรยายปีที่กู้สลับกัน ไม่เรียงลำดับแต่ละปี แต่ได้อ้างเอกสารสำเนาสัญญากู้แต่ละฉบับมาท้ายฟ้อง ตรงกับคำบรรยายฟ้องและไม่ขัดกับเอกสาร ฟ้องโจทก์จึงไม่เคลือบคลุม
ปัญหาข้อที่ (2) โจทก์เป็นภรรยานายจันทร์ และเป็นผู้รับมรดกตามพินัยกรรมของนายจันทร์หรือไม่ ศาลฎีกาวินิจฉัยแล้วฟังข้อเท็จจริงว่า โจทก์เป็นภรรยานายจันทร์ และเป็นผู้รับมรดกตามพินัยกรรมของนายจันทร์จริง
ปัญหาข้อที่ (3) นายโป่ยได้กู้เงินนายจันทร์ โดยทำสัญญากู้ตามเอกสารหมาย จ.2 ถึง จ.6 และมอบนาให้ทำกินต่างดอกเบี้ยจริงหรือไม่ วินิจฉัยว่าศาลอุทธรณ์ฟังว่านายโป่ยสามีจำเลยกู้เงินนายจันทร์สามีโจทก์ตามเอกสารหมาย จ.2 ถึง จ.6 และให้ทำนาที่ทุ่งหัวนมนางต่างดอกเบี้ยเป็นการชอบแล้ว
ปัญหาข้อที่ (4) เรื่องอายุความ วินิจฉัยว่า ข้อเท็จจริงฟังได้ตามที่ได้วินิจฉัยมาแล้วว่านายโป่ยผู้ตายกู้เงินนายจันทร์สามีโจทก์ไปตามเอกสารหมาย จ.2 ถึง จ.6 และมอบนาทุ่งหัวนมนางให้ทำกินต่างดอกเบี้ยตลอดมาเมื่อเดือนธันวาคม 2513 นายโป่ยลูกหนี้ตายต่อมาอีก 3 – 4 เดือน นายจันทร์เจ้าหนี้ตาย จำเลยในฐานะผู้จัดการมรดกนายโป่ยผู้ตายมอบนาให้ทำต่างดอกเบี้ยจนกระทั่งสามีโจทก์ตาย เมื่อสามีโจทก์ตายลงอีก จำเลยก็มอบนาดังกล่าวให้โจทก์ซึ่งเป็นผู้รับมรดกของสามีทำนาต่างดอกเบี้ยต่อมา พฤติการณ์ที่จำเลยซึ่งเป็นผู้จัดการมรดกของนายโป่ยมอบให้สามีโจทก์และโจทก์ซึ่งเป็นผู้รับมรดกของสามีโจทก์ทำนาต่างดอกเบี้ย เช่นนี้ ถือได้ว่าจำเลยได้ปฏิบัติการชำระดอกเบี้ยด้วยการให้ทำนา เป็นการรับสภาพต่อเจ้าหนี้ตามสิทธิเรียกร้องด้วยการส่งดอกเบี้ยตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 172เป็นเหตุให้อายุความสะดุดหยุดลง โจทก์นำคดีมาฟ้องเมื่อวันที่ 2 มีนาคม 2515จึงไม่ขาดอายุความ ทั้งนี้ เทียบตามนัยคำพิพากษาฎีกาประชุมใหญ่ที่ 159/2513ระหว่างนายมัน เพชรรัตหรือรักฟริก โจทก์ นายช่วง อักษรเกิด จำเลย
ปัญหาข้อที่ (5) โจทก์ได้ทวงถามจำเลยให้ชำระหนี้แล้วหรือยัง วินิจฉัยว่าการชำระหนี้ตามเอกสารหมาย จ.2 ถึง จ.6 เป็นหนี้ไม่ได้กำหนดระยะเวลาอันพึงชำระหนี้ไว้ โจทก์ผู้เป็นเจ้าหนี้ย่อมจะเรียกให้จำเลยซึ่งเป็นลูกหนี้ชำระหนี้ได้โดยพลันตามมาตรา 652 แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ว่าด้วยยืมใช้สิ้นเปลือง ก็บัญญัติว่า “ถ้าในสัญญาไม่มีกำหนดเวลาให้คืนทรัพย์สินซึ่งยืมไป ผู้ให้ยืมจะบอกกล่าวแก่ผู้ยืมให้คืนทรัพย์สินภายในเวลาอันควร ซึ่งกำหนดให้ในคำบอกกล่าวนั้นก็ได้” ดังนี้ โจทก์ผู้เป็นเจ้าหนี้จะฟ้องคดีให้จำเลยชำระหนี้ที่ยืมไปโดยไม่ต้องบอกกล่าวก็ได้ ตามนัยคำพิพากษาฎีกาที่ 873/2518 ระหว่างนายดับ สินธุ โจทก์ นายร่าน กาญจนกูล จำเลย
พิพากษายืน