คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1323/2529

แหล่งที่มา : สำนักงาน ส่งเสริมงานตุลาการ

ย่อสั้น

การที่จำเลยกล่าวกับโจทก์ซึ่งเป็นมารดาว่า”ที่จำเลยมีบาดแผลโจทก์ไม่สนใจทีนี้ตัดลูกตัดแม่กันหากโจทก์ตายจะลากลงน้ำไม่เผาจำเลยเลือดทาแผ่นดินแล้วโจทก์ยังไม่มอง”นั้นยังไม่เป็นถ้อยคำหมิ่นประมาทโจทก์คงเป็นถ้อยคำที่จำเลยไม่สมควรพูดกับโจทก์ซึ่งเป็นบุพการีเท่านั้นโจทก์จึงฟ้องขอเพิกถอนการให้เพราะเหตุจำเลยประพฤติเนรคุณไม่ได้ การฟ้องขอเพิกถอนการให้เพราะเหตุเนรคุณเป็นการฟ้องขอให้โอนกรรมสิทธิ์ในทรัพย์พิพาทกลับมาเป็นของโจทก์จึงเป็นคดีมีทุนทรัพย์.

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้เพิกถอนนิติกรรมการโอนให้โดยเสน่หาที่ดินโฉนดเลขที่ 310 ตำบลสามพราน อำเภอสามพราน จังหวัดนครปฐม ระหว่างจำเลยที่ 1 กับจำเลยที่ 2 ที่ 3 และให้จำเลยที่ 1 โอนที่ดินโฉนดเลขที่ 910 ดังกล่าว จำนวน 10 ไร่ 1 งาน เฉพาะที่โจทก์ยกให้จำเลยที่ 1 กลับคืนมาเป็นของโจทก์ หากจำเลยทั้งสามไม่ปฏิบัติตามขอให้ถือคำพิพากษาเป็นการแสดงเจตนาของจำเลยทั้งสาม
จำเลยทั้งสามให้การว่า โจทก์ไม่มีอำนาจฟ้องจำเลยทั้งสามคดีนี้โจทก์ฟ้องจำเลยที่ 1 ไว้แล้วตามคดีหมายเลขแดงที่ 411/2523ของศาลนี้ โจทก์ฟ้องคดีนี้จึงเป็นการฟ้องซ้อน ฟ้องโจทก์เคลือบคลุมไม่บรรยายให้ชัดแจ้งว่าจำเลยหลอกลวงโจทก์ประการใด จำเลยไม่เคยหมิ่นประมาทโจทก์หรือไม่เลี้ยงดูโจทก์อันเป็นการประพฤติเนรคุณโจทก์แต่อย่างใดขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง ให้โจทก์ใช้ค่าฤชาธรรมเนียมแทนจำเลยโดยกำหนดค่าทนายความ 3,000 บาท
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน ให้โจทก์ใช้ค่าทนายความชั้นอุทธรณ์แทนจำเลย 1,000 บาท
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยปัญหาข้อกฎหมายว่า “มีปัญหาว่าจำเลยที่ 1ได้กล่าวคำหมิ่นประมาทโจทก์อย่างร้ายแรงหรือไม่ ไม่อุปการะเลี้ยงดูโจทก์อันเป็นการประพฤติเนรคุณโจทก์หรือไม่ สำหรับปัญหาข้อแรกโจทก์เบิกความว่าจำเลยที่ 1 เคยลากนายวรพจน์ซึ่งเป็นบุตรโจทก์ออกจากบ้าน โจทก์เรียกนายชสันคณิตบุตรชายคนโตของโจทก์มาช่วยนายชสันคณิตกับบุตรสาวได้ออกไปห้าม ปรากฎว่าจำเลยที่ 1 ศรีษะแตกจำเลยว่าโจทก์ว่า ที่จำเลยที่ 1 มีบาดแผลโจทก์ไม่สนใจ ทีนี้ตัดลูกตัดแม่กัน หากโจทก์ตายจะลากลงน้ำไม่เผา จำเลยเลือดทาแผ่นดินแล้วโจทก์ยังไม่มอง คำพูดดังกล่าวศาลฎีกาเห็นว่ายังไม่มีถ้อยคำที่หมิ่นประมาทโจทก์อย่างไร คงเป็นถ้อยคำที่จำเลยที่ 1 ไม่สมควรพูดกับโจทก์ซึ่งเป็นบุพการีเท่านั้น ที่นายชสันคณิตพยานโจทก์ซึ่งอยู่ด้วยกับโจทก์เบิกความว่า เมื่อพยานไปห้ามการวิวาทระหว่างนายวรพจน์กับจำเลยที่ 1 จำเลยที่ 1 ได้ดุด่าพยานไม่ให้มายุ่ง และโจทก์พูดว่ามัดไม่ให้ดูก็ช่างมัน จำเลยร้องว่าอีแม่ก็เถอะน่า ไอ้สุนเลือดหยดทาแผ่นดิน อีแม่ไม่ดูแผลเลย ยังเข้ากับไอ้บ้ารุมตี ตั้งแต่วันนี้ตัดลูกตัดแม่กันก็ได้ ตายห่าแล้วลากลงน้ำไปไม่ต้องเผาผีเห็นว่าคำเบิกความของพยานโจทก์ดังกล่าว โดยเฉพาะคำว่า อีแม่ก็ดีตายห่าก็ดี ซึ่งเป็นคำหยาบคาย คงมีแต่คำเบิกความของนายชสันคณิตแต่เพียงผู้เดียว โจทก์ไม่ได้เบิกความว่าจำเลยที่ 1 พูดคำหยาบดังกล่าว จึงรับฟังเป็นยุติไม่ได้ แต่อย่างไรก็ตามโจทก์เบิกความต่อไปว่า หลังจากเกิดเหตุเรื่องนี้แล้วขณะนั้นเป็นเวลาประมาณ21 – 22 นาฬิกา จำเลยที่ 1 ได้ด่าว่าโจทก์ว่า “เย็ดแม่” ขณะที่ด่าจำเลยอยู่ในห้องน้ำ ขณะนั้นโจทก์กับนายวรพจน์อยู่ในบ้านตามคำเบิกความดังกล่าว จึงยังไม่แน่นอนว่าจำเลยที่ 1 ด่าใคร เพราะจำเลยที่ 1 อาจด่านายวรพจน์ก็ได้เพราะได้มีสาเหตุวิวาทกับจำเลยที่ 1 ดังกล่าวข้างต้น คงมีปัญหาที่จะต้องวินิจฉัยต่อไปว่า จำเลยที่ 1 ไม่อุปการะเลี้ยงดูโจทก์จริงหรือไม่ ได้ความจากคำเบิกความของโจทก์ตอบค้านทนายจำเลยว่า โจทก์ยังมีที่ดินสวนอีกประมาณ 2 ไร่แสดงว่าโจทก์น่าจะไม่ใช่ผู้ยากไร้ นอกจากนั้นจำเลยที่ 1 ได้นำพระอธิการบุญล้อม แดงสมบูรณ์ซึ่งเป็นเจ้าอาวาสวัดเชิงเลนมาเบิกความเป็นพยานว่าก่อนบวชเคยอยู่กับโจทก์และจำเลยที่ 1 ขณะนั้นนายด้วนสามีโจทก์ยังมีชีวิตอยู่ เห็นจำเลยที่ 1 เป็นหัวเรี่ยวหัวแรงในการทำมาหากิน ไม่เคยเห็นจำเลยที่ 1 ด่าว่าบิดามารดา โจทก์และจำเลยที่ 1 เคยไปทำบุญที่วัดเชิงเลนด้วยกัน และนำพยานนายบุญช่วยบรรจงจิต น้องชายของสามีโจทก์ผู้ตายมาเบิกความว่าจำเลยที่ 1เป็นคนดีเชื่อถือได้ เห็นว่าข้อเท็จจริงยังฟังได้ไม่ถนัดนักว่าโจทก์เป็นคนยากไร้ และข้อที่ว่าจำเลยจะได้อุปการะเลี้ยงดูโจทก์หรือไม่ก็นำสืบยันกันอยู่ ข้อที่ว่าจำเลยที่ 1 ประพฤติเนรคุณไม่ยอมให้สิ่งของที่จำเป็นแก่โจทก์ในเวลาที่โจทก์ยากไร้จึงยังฟังไม่ขึ้นเช่นกัน โดยเหตุนี้เหตุที่โจทก์จะเพิกถอนการให้ เพราะเหตุที่จำเลยที่ 1 ประพฤติเนรคุณจึงยังฟังไม่ได้ ที่โจทก์อ้างมาในฟ้องฎีกาขอคืนค่าขึ้นศาลในศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์นั้น ข้อนี้เห็นว่าทรัพย์พิพาทได้ดอนไปเป็นของจำเลยทั้งสามแล้ว โจทก์ฟ้องขอให้โอนกรรมสิทธิ์ในทรัพย์สินพิพาทกลับมาเป็นของโจทก์จึงเป็นคดีมีทุนทรัพย์ซึ่งต้องเสียค่าขึ้นศาลตามทุนทรัพย์ที่พิพาท ที่ศาลล่างทั้งสองพิพากษายกฟ้องโจทก์นั้นชอบแล้ว”
พิพากษายืน ค่าทนายความชั้นฎีกาเป็นพับ.

Share