แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
แม้โจทก์ไม่ได้ตัวพยานในชั้นสอบสวนมาเบิกความในชั้นพิจารณาก็ตาม แต่ก็ไม่มีกฎหมายใดบัญญัติห้ามมิให้รับฟังบันทึกคำให้การชั้นสอบสวน เมื่อไม่ปรากฏว่าพนักงานสอบสวนบันทึกคำให้การของพยานไว้ไม่ถูกต้อง จึงรับฟังบันทึกคำให้การชั้นสอบสวนของพยานประกอบพยานหลักฐานอื่นของโจทก์ได้
คนร้ายเดินเข้าไปชำระค่าโดยสารให้แก่ผู้ตาย แล้วได้ใช้อาวุธปืนยิงผู้ตายทันที เกิดเหตุแล้วคนร้ายกระโดดขึ้นซ้อนท้ายรถจักรยานยนต์ของจำเลยที่มาจอดเทียบ โดยจำเลยเตรียมรถจักรยานยนต์ขับตามรถยนต์โดยสารสองแถวที่ผู้ตายขับมาเพื่อรับคนร้ายหลบหนี อันเป็นการวางแผนโดยไตร่ตรองไว้ก่อนซึ่งรวมถึงแผนในการหลบหนีด้วย รับฟังได้ว่าจำเลยร่วมกับคนร้ายที่หลบหนีกระทำความผิดตามป.อ. มาตรา 289 (4), 83
ธนบัตรของกลางที่คนร้ายส่งให้แก่ผู้ตายเป็นค่าโดยสารก่อนที่ผู้ตายถูกยิง กับหมวกนิรภัยที่จำเลยสวมขณะเกิดเหตุอันเป็นการปฏิบัติตาม พ.ร.บ.จราจรทางบก พ.ศ.2522 มาตรา 122 โจทก์มิได้นำสืบให้เห็นชัดว่าจำเลยมีเจตนาสวมเพื่อปกปิดใบหน้าในการกระทำผิด ธนบัตรและหมวกนิรภัยของกลางจึงมิใช่ทรัพย์ที่ใช้ในการกระทำความผิดตาม ป.อ. มาตรา 289 (4) โดยตรง
ย่อยาว
โจทก์ฟ้อง ขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 32, 33, 83, 288, 289 และริบหัวกระสุนปืนหมวกนิรภัยและธนบัตรจำนวน 50 บาท ของกลาง
จำเลยไม่ได้ให้การ ถือว่าจำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 289 (4) (ที่ถูกประกอบ มาตรา 83 ด้วย) ลงโทษประหารชีวิต จำเลยให้การรับสารภาพชั้นสอบสวนเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา มีเหตุบรรเทาโทษลดโทษให้หนึ่งในสามตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 ประกอบมาตรา 52 (ที่ถูก 52 (1)) คงจำคุกตลอดชีวิต ริบหัวกระสุนปืน หมวกนิรภัยและธนบัตรจำนวน 50 บาทของกลาง
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 5 พิพากษายืน
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า พิเคราะห์แล้ว ข้อเท็จจริงในเบื้องต้นฟังได้ว่า ในวันเวลาและสถานที่เกิดเหตุตามฟ้อง ขณะที่นาย บ. ซึ่งมีอาชีพขับรถยนต์โดยสารสองแถวรับจ้างสายลำปาง-แจ้ห่ม จอดรถให้คนร้ายซึ่งโดยสารมากับรถลงจากรถในที่เกิดเหตุ ได้ถูกคนร้ายใช้อาวุธปืนยิงถึงแก่ความตายแล้วคนร้ายนั่งซ้อนท้ายรถจักรยานยนต์ของจำเลยหลบหนีไป คดีมีปัญหาวินิจฉัยตามฎีกาของจำเลยว่า จำเลยร่วมกับคนร้ายที่หลบหนีกระทำความผิดตามฟ้องหรือไม่ เห็นว่า แม้โจทก์จะไม่ได้ตัวนาง ว. และนาง ศ. มาเบิกความในชั้นพิจารณาก็ตาม แต่ก็ไม่มีกฎหมายใดบัญญัติห้ามมิให้รับฟังบันทึกคำให้การชั้นสอบสวนของพยานทั้งสอง เมื่อไม่ปรากฏข้อเท็จจริงว่า พนักงานสอบสวนบันทึกคำให้การของพยานทั้งสองไว้ไม่ถูกต้อง จึงรับฟังบันทึกคำให้การของพยานทั้งสองประกอบพยานหลักฐานอื่นของโจทก์ได้ รถจักรยานยนต์ที่จำเลยขับมาเป็นของคนรักของจำเลยซึ่งปรากฏตามทางนำสืบของโจทก์ว่า มีแผ่นป้ายทะเบียนถูกต้อง แต่ขณะเกิดเหตุกลับปรากฏว่ารถจักรยานยนต์ดังกล่าวมิได้ติดแผ่นป้ายทะเบียน แสดงให้เห็นว่าจำเลยเตรียมการมาเพื่อรับคนร้ายหลบหนีตามที่ร่วมกับคนร้ายวางแผนไว้ เพราะก่อนเกิดเหตุคนร้ายเดินเข้าไปชำระค่าโดยสารให้แก่ผู้ตาย แล้วได้ใช้อาวุธปืนยิงผู้ตายทันทีโดยไม่ปรากฏว่ามีการโต้เถียงกันหรือทะเลาะกันแต่อย่างใด อันเป็นการวางแผนโดยไตร่ตรองไว้ก่อนซึ่งรวมถึงแผนในการหลบหนีด้วยว่าจะหลบหนีด้วยยานพาหนะอะไร พยานหลักฐานโจทก์จึงรับฟังได้โดยปราศจากสงสัยว่าจำเลยร่วมกับคนร้ายที่หลบหนีกระทำความผิดตามฟ้อง ศาลล่างทั้งสองพิพากษาลงโทษจำเลยชอบแล้ว ฎีกาของจำเลยฟังไม่ขึ้น
อนึ่งธนบัตรฉบับละ 50 บาท ของกลางเป็นธนบัตรที่คนร้ายส่งให้แก่ผู้ตายเป็นค่าโดยสาร ก่อนที่ผู้ตายถูกยิง และหมวกนิรภัยที่จำเลยสวมขณะเกิดเหตุอันเป็นการปฏิบัติตามพระราชบัญญัติจราจรทางบก พ.ศ. 2522 มาตรา 122มิใช่ทรัพย์ที่ใช้ในการกระทำผิดโดยตรง ทั้งโจทก์ก็มิได้นำสืบให้เห็นชัดว่าจำเลยมีเจตนาสวมเพื่อปกปิดใบหน้าในการกระทำผิด ดังนั้น ธนบัตร 50 บาทและหมวกนิรภัยของกลางดังกล่าวจึงมิใช่ของที่ใช้ในการกระทำความผิดที่ศาลล่างทั้งสองพิพากษาให้ริบ จึงไม่ถูกต้อง ศาลฎีกาเห็นสมควรแก้ไขให้ถูกต้อง
พิพากษายืน แต่ไม่ริบธนบัตร 50 บาทและหมวกนิรภัยของกลาง