คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1321/2499

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

อัยการฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยฐานฆ่าคนตาย ตามกฎหมายลักษณะอาญามาตรา 249 ภริยาผู้ตายเข้ามาเป็นโจทก์ร่วมด้วยศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยผิดตามมาตรา 251 เมื่อลดโทษในกรณีต่างๆ แล้ว คงจำคุก 2 ปี อัยการอุทธรณ์ขอให้ลงโทษตามมาตรา 249 แต่โจทก์ร่วมมิได้อุทธรณ์ ครั้นศาลอุทธรณ์พิพากษายืนในเรื่องความผิดตามมาตรา 251 แต่แก้ให้รอการลงโทษจำเลยไว้ โจทก์ร่วมจะฎีกาขอให้ลงโทษจำเลยตามมาตรา 249 ไม่ได้

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า เมื่อวันที่ 6 สิงหาคม 2497 เวลาระหว่าง 16 ถึง 18 น. จำเลยบังอาจใช้มีดพกปลายแหลมแทงนายบุญ สุริยาวงษ์ถึงแก่ความตาย โดยเจตนาจะฆ่าให้ตาย เหตุเกิดที่ตำบลคลองเรือกิ่งอำเภอหนองหมู อำเภอหนองแค จังหวัดสระบุรี ขอให้ลงโทษจำเลยตามกฎหมาย

จำเลยต่อสู้ว่าจำเลยได้ทำร้ายนายบุญเพื่อป้องกันชีวิตของจำเลยพอสมควรแก่เหตุ จำเลยมิได้เจตนาฆ่านายบุญให้ตาย

นางเหรียญ สุริยาวงษ์ ภริยานายบุญผู้ตายขอเข้าเป็นโจทก์ร่วมกับพนักงานอัยการด้วย

ศาลจังหวัดสระบุรีพิจารณาแล้ว เชื่อว่านายบุญผู้ตายได้ทำการกดขี่ข่มเหงจำเลยอย่างร้ายแรง ไม่เป็นธรรม จึงเกิดต่อสู้กันระหว่างนายบุญกับจำเลย เป็นเหตุให้นายบุญถึงแต่ความตายโดยมิได้เจตนาจะฆ่าให้ตาย พิพากษาว่าจำเลยมีความผิดตามกฎหมายลักษณะอาญา มาตรา 251 ให้จำคุกจำเลย 6 ปี ลดฐานยั่วโทสะตามมาตรา 55 กึ่งหนึ่งคำให้การจำเลยเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา ลดโทษให้ตามมาตรา 59 อีก 1 ใน 3 คงจำคุกจำเลย 2 ปี

พนักงานอัยการโจทก์เท่านั้นอุทธรณ์ ขอให้ลงโทษจำเลยฐานฆ่าคนตายโดยเจตนา ฝ่ายจำเลยอุทธรณ์ว่าไม่มีความผิด หรือถ้าศาลอุทธรณ์เห็นว่าจำเลยมีความผิด ก็ขอให้รอการลงโทษไว้

ศาลอุทธรณ์ฟังข้อเท็จจริงว่า วันโจทก์หาประมาณ 16 น. เศษนายบุญ ผู้ตาย จำเลย กับพวก 2-3 คน กินสุราและอาหารกันที่เรือนนายเถิ่ง ระหว่างนั้น ผู้ตายได้พูดขอให้จำเลยช่วยจัดการให้นางสละน้องสาวจำเลยเลิกเรื่องที่กล่าวหาต่ออำเภอว่าผู้ตายลักไก่ จำเลยตอบว่าพูดไม่ได้ เพราะเรื่องถึงอำเภอแล้ว ผู้ตายไม่พอใจ ได้ใช้ไม้ตีจำเลย 1 ที ถูกหางคิ้วซ้ายแตก จำเลยตกจากเรือนนายเถิ่งและพูดขึ้นว่าจะไปแจ้งความ ผู้ตายได้ตามลงไปผลักไหล่จำเลย และใช้ไม้ตีจำเลยอีกจำเลยกับผู้ตายเลยกอดปล้ำต่อสู้กัน ขณะนั้นมีดของจำเลยที่มีอยู่ตั้งแต่ก่อนทำร้ายกันตกลง จำเลยเอี้ยวตัวลงเก็บมีดได้ พอผู้ตายตีจำเลยถูกไหล่ซ้าย จำเลยก็แทงผู้ตาย ต่างตีและแทงโต้ตอบกันหลายที ผู้ตายล้มลง จำเลยก็ผละออกไปจากที่เกิดเหตุ ผู้ตายมีบาดแผล 5 แห่ง ถึงแก่ความตายในวันนั้น ชั้นเดิมจำเลยมิได้ตั้งใจว่าจะทำร้ายผู้ตาย แต่ผู้ตายทำร้ายจำเลยก่อน จำเลยบันดาลโทสะขึ้นมาจึงสมัครใจเข้าต่อสู้กับผู้ตาย กรณีมิใช่เป็นเรื่องป้องกันตัวอันควรได้รับการยกเว้นอาญาโดยที่ต่างฝ่ายต่างต่อสู้ทำร้ายกันชุลมุนจำเลยคงมีเจตนาแต่เพียงจะทำร้ายร่างกายเท่านั้น หากบังเอิญแทงถูกที่สำคัญ จึงเป็นเหตุให้ผู้ตายตาย การกระทำของจำเลยเป็นเพียงความผิดฐานฆ่าคนตายโดยไม่เจตนาและควรได้รับการลดหย่อนผ่อนโทษฐานกระทำโดยถูกยั่วโทสะ ศาลอุทธรณ์เห็นพ้องด้วยกับศาลชั้นต้นที่ลงโทษและลดโทษให้จำเลยคงเหลือเพียงโทษจำคุก 2 ปี แต่ผู้ตายเป็นฝ่ายรุกรานจำเลย และทำร้ายจำเลยมีบาดแผลหลายแห่ง และจำเลยก็เป็นแพทย์แผนโบราณ ทั้งไม่ปรากฏว่าจำเลยเคยต้องคำพิพากษาให้จำคุกมาก่อน จึงพิพากษาแก้ให้รอการลงโทษจำเลยไว้ตามกฎหมายลักษณะอาญา มาตรา 41 ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมกฎหมายลักษณะอาญา (ฉบับที่ 14) พ.ศ. 249มาตรา 3 มีกำหนด 5 ปี นอกจากนี้คงเป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้นให้ยกอุทธรณ์โจทก์

พนักงานอัยการและนางเหรียญโจทก์ร่วมฎีกา

ศาลฎีกาประชุมปรึกษาคดีแล้ว ฎีกาของนางเหรียญโจทก์ร่วมว่า ตามพฤติการณ์จำเลยมีเจตนาฆ่าผู้ตาย จำเลยควรมีความผิดตามกฎหมายลักษณะอาญา มาตรา 249 ศาลฎีกาเห็นว่า เมื่อศาลชั้นต้นชี้ขาดว่าจำเลยมีความผิดเพียงฐานฆ่าคนตายโดยไม่เจตนานั้นโจทก์ร่วมมิได้อุทธรณ์คัดค้านประการใด ปัญหาเดียวกันนี้ศาลอุทธรณ์ได้วินิจฉัยตามอุทธรณ์ของพนักงานอัยการยืนตามศาลชั้นต้น ข้อนี้จึงเป็นอันยุตินางเหรียญโจทก์ร่วมจะรื้อฟื้นขอให้พิจารณาในชั้นฎีกาหาได้ไม่

ฎีกาของพนักงานอัยการที่ว่าศาลไม่ควรรอการลงโทษจำเลยอันพึงถือได้ว่าเป็นการแก้มากนั้น ศาลฎีกาเห็นว่า ตามทางพิจารณาได้ความชัดว่า ผู้ตายเป็นผู้ก่อกรณีตลอดเรื่อง โดยขอให้จำเลยจัดการให้คดีที่ผู้ตายต้องหาว่าลักไก่เลิกกัน จำเลยไม่สามารถทำให้ได้ ผู้ตายไม่พอใจ ก็ทำร้ายจนจำเลยตกเรือน แล้วผู้ตายยังตามลงไปอีกมีผู้ห้ามแต่หาฟังไม่ จำเลยพูดเพียงว่าจะไปร้องเรียนต่อเจ้าหน้าที่ผู้ตายก็ตีจำเลยอีก จำเลยบันดาลโทสะขึ้นมาบ้าง จึงเกิดตีและแทงโต้ตอบกันบาดแผลของผู้ตายหนักหนาอย่างไร การชันสูตรพลิกศพหาได้ทำการหยั่งแผลไว้ไม่ ศาลฎีกาเห็นด้วยกับศาลอุทธรณ์ที่ให้รอการลงโทษจำเลยไว้

จึงพิพากษายืนตามศาลอุทธรณ์ ให้ยกฎีกาโจทก์ทั้งสอง

Share