คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 132/2549

แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา

ย่อสั้น

จำเลยอุทธรณ์คำสั่งของศาลชั้นต้นที่ไม่อนุญาตให้จำเลยเลื่อนคดี โดยขอให้ศาลอุทธรณ์ยกคำสั่งของศาลชั้นต้นให้ศาลชั้นต้นสืบพยานต่อไปแล้วมีคำพิพากษาใหม่ จึงอยู่ภายใต้บังคับ ป.วิ.พ. มาตรา 229 เมื่อจำเลยมิได้วางเงินค่าธรรมเนียมซึ่งจะต้องใช้แก่โจทก์ ศาลชั้นต้นจึงชอบที่จะสั่งไม่รับอุทธรณ์ได้ทันที การที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้จำเลยนำเงินดังกล่าวมาวางศาลภายในเวลาที่กำหนดเท่ากับเปิดโอกาสให้จำเลยปฏิบัติให้ถูกต้องอีกครั้งหนึ่งก่อนที่จะพิจารณาสั่งอุทธรณ์ว่าจะให้ส่งหรือปฏิเสธไม่ส่งอุทธรณ์ไปยังศาลอุทธรณ์ตามมาตรา 232 ซึ่งเป็นอำนาจหน้าที่ของศาลชั้นต้นโดยเฉพาะ คำสั่งของศาลชั้นต้นเช่นนี้จำเลยยังไม่มีสิทธิอุทธรณ์ เพราะมิใช่คำสั่งไม่รับอุทธรณ์ตามมาตรา 234 แม้จำเลยจะมิได้อุทธรณ์คำสั่งดังกล่าวโดยตรง โดยกล่าวมาในอุทธรณ์ว่าขออุทธรณ์คำสั่งของศาลชั้นต้นที่ไม่เพิกถอนคำสั่งดังกล่าวตามคำร้องของจำเลย แต่ศาลชั้นต้นก็ยกคำร้องเพราะเห็นว่าไม่มีเหตุเปลี่ยนแปลงคำสั่งเดิม อันเป็นการยืนยันให้จำเลยปฏิบัติตามคำสั่งเดิม ทั้งในอุทธรณ์ก็ขอให้ศาลอุทธรณ์ยกเลิกเพิกถอนคำสั่งของศาลชั้นต้นที่ให้จำเลยนำเงินค่าธรรมเนียมซึ่งจะต้องใช้แก่โจทก์มาวางศาลนั่นเอง จำเลยจึงยังไม่มีสิทธิอุทธรณ์ ดังนั้นแม้ศาลอุทธรณ์จะรับวินิจฉัยอุทธรณ์ของจำเลยก็เป็นการไม่ชอบ การที่จำเลยฎีกาต่อมา ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย

ย่อยาว

คดีสืบเนื่องมาจากโจทก์ฟ้องขอให้บังคับจำเลยทั้งสี่ร่วมกันชำระหนี้ตามสัญญาขายลดเช็ค สัญญาเงินกู้ และสัญญาค้ำประกัน จำเลยทั้งสี่ให้การต่อสู้คดี ขอให้ยกฟ้อง ระหว่างพิจารณา ศาลชั้นต้นมีคำสั่งไม่อนุญาตให้จำเลยทั้งสี่เลื่อนคดี งดสืบพยานจำเลยทั้งสี่ที่เหลือ แล้วพิพากษาให้จำเลยที่ 1 ที่ 3 และที่ 4 ร่วมกันชำระเงิน 500,000 บาท พร้อมดอกเบี้ยของต้นเงิน 250,000 บาท ในอัตราร้อยละเอ็มแอลอาร์ตามประกาศธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) และธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) สี่ธนาคารเฉลี่ยกันแล้วบวกด้วย 3 ต่อปี นับแต่วันที่ 21 สิงหาคม 2540 ถึงวันที่ 15 กันยายน 2540 ดอกเบี้ยของต้นเงิน 500,000 บาท ในอัตราเดียวกัน นับแต่วันที่ 16 กันยายน 2540 ถึงวันที่ 30 กันยายน 2541 และดอกเบี้ยของเงินต้น 500,000 บาท ในอัตราร้อยละเอ็มแอลอาร์ตามประกาศของธนาคารทั้งสี่ธนาคารดังกล่าวเฉลี่ยกันแล้วบวก 4 ต่อปี นับแต่วันที 1 ตุลาคม 2541 เป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์ แต่ยอดหนี้คำนวณถึงวันฟ้องต้องไม่เกิน 933,026.13 บาท ตามที่โจทก์ขอ และให้จำเลยที่ 1 ที่ 2 และที่ 3 ร่วมกันชำระเงิน 435,383.34 บาท พร้อมดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 15 ต่อปี นับแต่วันที่ 6 พฤษภาคม 2540 เป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์ แต่ยอดหนี้คำนวณถึงวันฟ้องต้องไม่เกิน 749,414.01 บาท ตามที่โจทก์ขอ กับให้จำเลยทั้งสี่ใช้ค่าฤชาธรรมเนียมแทนโจทก์ โดยกำหนดค่าทนายความ 5,000 บาท คำขออื่นนอกจากนี้ให้ยก
จำเลยทั้งสี่อุทธรณ์คำสั่งของศาลชั้นต้นที่ไม่อนุญาตให้จำเลยทั้งสี่เลื่อนคดี
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้จำเลยทั้งสี่นำเงินค่าธรรมเนียมซึ่งจะต้องใช้แก่โจทก์ตามคำพิพากษามาวางศาลภายในเวลาที่ศาลชั้นต้นกำหนด แต่ยื่นคำร้องขอให้ศาลชั้นต้นเพิกถอนคำสั่งที่ให้จำเลยทั้งสี่วางเงินค่าธรรมเนียมดังกล่าว
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่า ไม่มีเหตุเปลี่ยนแปลงคำสั่ง ยกคำร้องค่าคำร้องให้เป็นพับ
จำเลยทั้งสี่อุทธรณ์คำสั่ง
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นอุทธรณ์ให้เป็นพับ
จำเลยทั้งสี่ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ” ข้อเท็จจริงตามสำนวนคดีปรากฏว่าศาลชั้นต้นมีคำพิพากษาโดยให้จำเลยทั้งสี่ใช้ค่าฤชาธรรมเนียมแทนโจทก์ โดยกำหนดค่าทนายความ 5,000 บาท จำเลยทั้งสี่อุทธรณ์คำสั่งของศาลชั้นต้นที่ไม่อนุญาตให้จำเลยทั้งสี่เลื่อนคดี โดยมิได้นำเงินค่าฤชาธรรมเนียมซึ่งจะต้องใช้แก่โจทก์ตามคำพิพากษามาวางศาลพร้อมกับอุทธรณ์ ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้จำเลยทั้งสี่นำเงินค่าธรรมเนียมดังกล่าวมาวางศาลภายใน 10 วัน มิฉะนั้นถือว่าไม่ติดใจอุทธรณ์ จำเลยทั้งสี่มิได้ปฏิบัติตาม แต่ยื่นคำร้องขอให้ศาลชั้นต้นเพิกถอนคำสั่งให้จำเลยทั้งสี่วางเงินค่าธรรมเนียมดังกล่าว ศาลชั้นต้นมีคำสั่งยกคำร้อง จำเลยทั้งสี่อุทธรณ์คำสั่ง ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน จำเลยทั้งสี่ฎีกา ศาลฎีกาเห็นว่า การที่จำเลยทั้งสี่อุทธรณ์คำสั่งของศาลชั้นต้นที่ไม่อนุญาตให้จำเลยทั้งสี่เลื่อนคดี โดยให้ศาลอุทธรณ์ยกคำสั่งของศาลชั้นต้น ให้ศาลชั้นต้นสืบพยานจำเลยทั้งสี่ต่อไปแล้วมีคำพิพากษาใหม่ตามรูปคดีนั้น อาจทำให้คำพิพากษาศาลชั้นต้นที่บังคับให้จำเลยทั้งสี่ชำระหนี้แก่โจทก์ถูกยกเลิกเพิกถอนไปได้หากอุทธรณ์ของจำเลยทั้งสี่ฟังขึ้น กรณีจึงอยู่ภายใต้ของประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 229 ซึ่งบัญญัติให้เป็นหน้าที่ของผู้อุทธรณ์ต้องนำเงินค่าธรรมเนียมซึ่งจะต้องใช่แก่คู่ความอีกฝ่ายหนึ่งตามคำพิพากษาหรือคำสั่งมาวางศาลพร้อมกับอุทธรณ์นั้นด้วย เมื่อจำเลยทั้งสี่ยื่นอุทธรณ์คำสั่งของศาลชั้นต้นโดยมิได้วางเงินค่าธรรมเนียมซึ่งต้องใช่แก่โจทก์ ศาลชั้นต้นจึงชอบที่จะสั่งไม่รับอุทธรณ์ได้ทันที การที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้จำเลยทั้งสี่นำเงินค่าธรรมเนียมดังกล่าวมาวางศาลภายในเวลาที่กำหนดเท่ากับศาลชั้นต้นเปิดโอกาสให้จำเลยทั้งสี่ปฏิบัติให้ถูกต้องอีกครั้งหนึ่งก่อนที่จะพิจารณาสั่งอุทธรณ์ของจำเลยทั้งสี่ว่าจะให้ส่งหรือปฏเสธไม่ส่งอุทธรณ์ของจำเลยทั้งสี่ไปยังศาลอุทธรณ์ อันเป็นกระบวนพิจารณาในชั้นตรวจคำฟ้องอุทธรณ์ตามที่บัญญัติไว้ในประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 232 ซึ่งเป็นอำนาจหน้าที่ของศาลชั้นต้นโดยเฉพาะ คำสั่งศาลชั้นต้นเช่นนี้จำเลยทั้งสี่ยังไม่มีสิทธิอุทธรณ์ได้ เพราะมิใช่คำสั่งไม่รับอุทธรณ์ซึ่งผู้อุทธรณ์อาจอุทธรณ์คำสั่งนั้นไปยังศาลอุทธรณ์ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 234 คดีนี้แม้จำเลยทั้งสี่จะมิได้อุทธรณ์คำสั่งดังกล่าวของศาลชั้นต้นโดยตรง โดยกล่าวมาในอุทธรณ์ว่าขออุทธรณ์คำสั่งของศาลชั้นต้นที่ไม่เพิกถอนคำสั่งดังกล่าวตามคำร้องของจำเลยทั้งสี่ก็ตาม แต่ศาลชั้นต้นก็ยกคำร้องเพราะเห็นว่าไม่มีเหตุเปลี่ยนแปลงคำสั่งเดิม อันเป็นการยืนยันให้จำเลยทั้งสี่ปฏิบัติตามคำสั่งเดิมที่ให้จำเลยทั้งสี่นำเงินค่าธรรมเนียมซึ่งจะต้องใช้แก่โจทก์มาวางศาล ทั้งอุทธรณ์ของจำเลยทั้งสี่ก็ขอให้ศาลอุทธรณ์ยกเลิกเพิกถอนคำสั่งของศาลชั้นต้นที่ให้จำเลยทั้งสี่นำเงินค่าธรรมเนียมซึ่งจะต้องใช้แก่โจทก์มาวางศาลนั่นเอง จำเลยทั้งสี่จึงยังไม่มีสิทธิอุทธรณ์ด้วยเหตุดังที่ได้วินิจฉัยข้างต้น ดังนั้น แม้ศาลอุทธรณ์จะรับวินิจฉัยอุทธรณ์ของจำเลยทั้งสี่มาก็เป็น การไม่ชอบการที่จำเลยทั้งสี่ฎีกาต่อมา ศาลฎีกาจึงไม่อาจรับวินิจฉัยฎีกาของจำเลยทั้งสี่ได้”
พิพากษายกคำพิพากษาของศาลอุทธรณ์ กับยกอุทธรณ์และฎีกาของจำเลยทั้งสี่ คืนค่าขึ้นศาลชั้นอุทธรณ์และชั้นฎีกาทั้งหมดแก่จำเลยทั้งสี่ ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นอุทธรณ์และชั้นฎีกานอกจากนี้ให้เป็นพับ

Share