แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
โจทก์ใช้ที่พิพาทเป็นทางเดินประจำเมื่อสิ้นฤดูทำนา (ส่วนฤดูทำนาไม่ได้ใช้ทางเดินนั้น) เป็นเวลาเกินกว่า 10ปี ดังนี้ ภาระจำยอมย่อมเกิดขึ้นเป็นคุณแก่ที่ดินของโจทก์แล้ว
ย่อยาว
ฟ้องว่า โจทก์ต่างมีกรรมสิทธิ์ที่ดินอยู่ในตำบลบ้านเกาะ อำเภอบางไทร จังหวัดพระนครศรีอยุธยา คนละหนึ่งแปลง อยู่ในหมู่เดียวกัน มีทางเข้าออกจากที่ดินโจทก์ไปสู่ทางสาธารณะและทุ่งนาโจทก์ได้ใช้ทางนี้เป็นทางเดินเข้า ออกบ้านโจทก์ ปล่อยโคกระบือไปเลี้ยงกลางทุ่งนา และนำโคกระบือไปกินและอาบน้ำที่อ่าวสาธารณะทั้งใช้ล้อเลื่อนบรรทุกเครื่องอุปกรณ์ในการทำนาเข้าออกบ้านโจทก์โดยทางนี้ ทั้งขนข้าวเปลือกจากนาเข้าบ้านเป็นเวลาประมาณ 40 ปีเศษแล้ว จำเลยได้ขุดคูล้อมรั้วปิดกั้นทางเดินนั้น เป็นเหตุให้โจทก์ใช้ทางเดินนั้นไม่ได้ จึงฟ้องขอให้จำเลยเปิดทางและห้ามอย่าให้จำเลยขุดคูและล้อมรั้วปิดกั้นทางเดินรายนี้
จำเลยให้การว่า โจทก์ไม่เคยใช้ทางเดินผ่านที่จำเลยและจำเลยไม่เคยอนุญาตให้โจทก์ผ่านที่ดินของจำเลย ที่ดินของจำเลยเป็นที่บ้านและที่นา จำเลยทำผลประโยชน์ทุกปี ไม่เคยเว้นให้เป็นทางเดินสำหรับโจทก์และสัตว์ โจทก์ใช้ทางอื่นไปที่นาของโจทก์ในท้องทุ่งนาโดยปกติเมื่อหมดเขตการเพาะปลูกหรือการเก็บเกี่ยวพืชผลแล้ว ใครจะเดินลักไปทางไหนชั่วคราวก็ได้ เมื่อไม่ได้ให้เจ้าของบ้านเสียหาย
ศาลชั้นต้นฟังว่า โจทก์ใช้ทางพิพาทเฉพาะเมื่อหมดฤดูทำนาหรือเจ้าของนาเก็บเกี่ยวข้าวแล้ว จึงเรียกเป็นทางเดินไม่ได้การที่เจ้าของนายอมให้โจทก์ใช้ทุ่งนาเป็นทางผ่านในขณะทุ่งนาว่างเปล่าอยู่นั้น ไม่กระทบกระเทือนถึงสิทธิของเจ้าของที่ดินในการใช้สิทธิ จึงไม่ตกอยู่ในภาระจำยอมตามกฎหมาย
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับให้จำเลยรื้อรั้วถมคูเปิดทางเดินให้โจทก์และห้ามจำเลยมิให้ทำลายทางเดินหรือล้อมรั้วปิดกั้นทางเดินรายพิพาท
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาพิพากษายืนศาลอุทธรณ์ โดยวินิจฉัยว่า โจทก์กับพวกได้ใช้ที่พิพาทเป็นทางเดินประจำมาช้านานเกินกว่า 10 ปี ภารจำยอมย่อมเกิดขึ้นเป็นคุณแก่ที่ดินของโจทก์การที่โจทก์และพวกไม่ได้ใช้เดินในฤดูทำนานั้น หาทำให้การใช้ทางเดินนั้นขาดตอนไม่ติดต่อกันไม่