คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1236/2501

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

จำเลยเข้าปลูกห้องแถวในที่พิพาทโดยได้ทำสัญญาเช่ากับเจ้าของที่ดินแล้ว การกระทำของจำเลยก็ไม่ใช่บุกรุกอันจะเป็นการละเมิดต่อโจทก์ซึ่งเป็นผู้รับมรดกจากเจ้าของที่ดิน สัญญาเช่าระหว่างจำเลยกับเจ้าของที่ดินเดิมจะปิดอากรแสตมป์บริบูรณ์หรือไม่ไม่สำคัญ เพราะแม้จำเลยจะเข้าไปปลูกห้องแถวด้วยการตกลงเช่าปากเปล่าไม่มีหลักฐานเป็นหนังสือ ก็ยังฟังได้ว่าจำเลยเข้าไปปลูกห้องแถว โดยความยินยอมของเจ้าของที่ดินซึ่งจะหาว่าจำเลยละเมิดมิได้

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องหาว่า จำเลยทำละเมิดต่อโจทก์โดยบุกรุกเข้าปลูกสร้างห้องแถวลงบนที่ดินของโจทก์ โดยไม่ได้รับอนุญาต
จำเลยต่อสู้และฟ้องแย้งว่า จำเลยเข้าปลูกห้องแถว ในที่พิพาทเพราะได้ทำสัญญาเช่าจาก น.ส.ชุ่ม เจ้าของที่ดิน ต่อมา น.ส. ชุ่มตาย โจทก์และนายวิเชียรเป็นผู้รับมรดกโจทก์และนายวิเชียรจึงต้องรับไปทั้งสิทธิและหน้าที่ที่ น.ส.ชุ่มมีต่อจำเลย ซึ่งเป็นผู้เช่า
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้ยกฟ้องโจทก์ ให้โจทก์รื้อถอนรั้วไม้ที่ปิดกั้นห้องแถวของจำเลยและประกาศที่ห้ามไม่ให้ผู้ใดเช่าออกเสีย ให้โจทก์ใช้ค่าเสียหายคือค่าเช่าห้องแถว ๕ ห้อง รวมเดือนละ ๒๐๐ บาท นับแต่เดือนตุลาคม ๒๔๙๗ จนกว่า โจทก์จะรื้อรั้วไม้และประกาศออกจากห้องแถวของจำเลย
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์เห็นว่าจำเลยให้การและฟ้องแย้งอ้างสิทธิตามสัญญาเช่าเอกสารหมาย ล.๑ แต่เอกสารหมาย ล.๑ เป็นตราสารที่ปิดอากรแสตมป์ไม่บริบูรณ์ ใช้เป็นพยานหลักฐานในคดีไม่ได้ตาม ม.๑๑๘ ประมวลรัษฎากร เมื่อเป็นเช่นนี้ จำเลยก็ไม่มีหลักฐานเป็นหนังสือเพื่อจะอ้างสิทธิยันโจทก์ได้ พิพากษากลับศาลชั้นต้น ให้จำเลยรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างในที่พิพาทออกไป ให้จำเลยใช้ค่าเสียหายเดือนละ ๑๐๐ บาท
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่า เมื่อข้อเท็จจริงฟังได้ว่า จำเลยเข้าไปปลูกห้องแถวในที่พิพาทโดยได้ทำสัญญาเช่ากับ น.ส.ชุ่ม เจ้าของที่ดินการกระทำของจำเลยก็ไม่ใช่บุกรุกอันจะเป็นการละเมิดต่อโจทก์ สัญญาเช่าระหว่างจำเลยกับน.ส.ชุ่ม จะปิดอากรแสตมป์ บริบูรณ์ หรือไม่ ไม่สำคัญ เพราะแม้จำเลยจะเข้าไปปลูกห้องแถวด้วยการตกลงเช่าปากเปล่าไม่มีหลักฐานเป็นหนังสือก็ยังฟังได้ว่า จำเลยเข้าไปทำการปลูกสร้างห้องแถวโดยความยินยอมของเจ้าของที่ดินซึ่งจะหาว่าจำเลยละเมิดมิได้
สัญญาเช่าระหว่างจำเลยกับ น.ส.ชุ่ม จะใช้บังคับได้หรือไม่ ศาลฎีกาเห็นว่า การที่เจ้าของที่ดินทำสัญญาให้ผู้อื่นปลูกห้องแถวบนที่ดินของตนโดยสัญญาจะให้ผู้นั้นเช่ามีกำหนดเวลาเท่านั้นเท่านี้ปี และผู้ที่ปลูกสร้างห้องแถวสัญญาว่าจะยกกรรมสิทธิ์ในสิ่งปลูกสร้างให้แก่เจ้าของที่ดินเป็นการตอบแทนนั้น เป็นสัญญาต่างตอบแทนมิใช่สัญญาเช่าธรรมดา และใช้บังคับกันได้ กรณีนี้โจทก์เป็นทายาทรับมรดก น.ส.ชุ่ม คู่สัญญากับจำเลย จึงต้องรับมาทั้งสิทธิและหน้าที่ที่มีอยู่ต่อจำเลย การที่โจทก์ขัดขวางมิให้ผู้ใดมาเช่าห้องที่จำเลยปลูกขึ้นทำให้จำเลยได้รับความเสียหาย โจทก์จึงต้องรับผิด
พิพากษากลับศาลอุทธรณ์ โดยพิพากษาให้บังคับคดีตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น

Share