แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
โทษตาม กฎหมายลักษณะอาญามี 3 สถาน สถานหนึ่งปรับไม่เกิน 50 บาท สถานหนึ่งจำไม่เกิน 10 วัน อีกสถานหนึ่งทั้งปรับทั้งจำแต่โทษตามประมวลกฎหมายอาญาในความผิดเดียวกันนั้นมีแต่โทษปรับสถานเดียว ไม่เกิน500 บาท เช่นนี้ ต้องใช้ประมวลกฎหมายอาญาบังคับแก่คดี เพราะถือได้ว่าเป็นกฎหมายที่เป็นคุณแก่จำเลย และในคดีนี้ศาลฎีกาใช้ดุลพินิจลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา ปรับ 50 บาท
ย่อยาว
คดี 2 สำนวนนี้พิจารณาพิพากษารวมกัน โจทก์ฟ้องว่าจำเลยทั้งสองบังอาจกล่าวคำหมิ่นประมาทและดูหมิ่นนายสด วิสุทธิธาดา ซึ่งหน้าว่า”อ้ายชาติหมา อ้ายครูสดบ้านลอมกลาง” ขอให้ลงโทษตามกฎหมายอาญามาตรา 339(2) ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 393
จำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นฟังว่า จำเลยผิดตามฟ้อง ให้ลงโทษตามประมวลอาญามาตรา 399 ซึ่งเป็นคุณแก่จำเลย ปรับคนละ 200 บาท
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ฟังว่าจำเลยหมิ่นประมาทนายสดซึ่งหน้า มีผิดตามกฎหมายอาญา มาตรา 339(2) แต่ที่ให้ลงโทษตามประมวลอาญา มาตรา 393นั้น ไม่เห็นพ้องด้วย เพราะความผิดตามกฎหมายอาญา มาตรา 339(2) นั้นถ้าจะลงโทษปรับสถานเดียวจะปรับเกิน 50 บาท ไม่ได้ แต่ประมวลอาญามาตรา 393 มีอัตราโทษปรับไม่เกิน 500 บาท และศาลชั้นต้นก็ปรับจำเลยถึงคนละ 200 บาท จะว่าเป็นคุณแก่จำเลยไม่ได้ พิพากษาแก้เฉพาะการลงโทษเป็นให้ลงโทษตามกฎหมายอาญา มาตรา 339(2) ปรับคนละ 50 บาท
โจทก์ฎีกาขอให้ลงโทษตามศาลชั้นต้น
ศาลฎีกาเห็นว่าโทษตามประมวลอาญา มาตรา 393 มีโทษสถานเดียวปรับไม่เกิน 500 บาท ส่วนโทษตามกฎหมายอาญา มาตรา 339(2) มีโทษ 3 สถาน ปรับไม่เกิน 50 บาท สถานหนึ่ง จำคุกไม่เกิน 10 วันสถานหนึ่ง หรือ ทั้งจำทั้งปรับอีกสถานหนึ่ง ตามกฎหมายอาญา มาตรา 339(2) ศาลอาจใช้ดุลยพินิจได้ถึงจำคุก หรือทั้งจำคุกทั้งปรับแต่ตามประมวลอาญา ศาลลงโทษปรับได้สถานเดียว ย่อมเห็นได้ว่าโทษตามกฎหมายอาญา มาตรา 339(2) แรงกว่าโทษตามประมวลอาญา มาตรา 393 ที่ศาลชั้นต้นลงโทษจำเลยตามประมวลอาญา มาตรา 393 จึงชอบแล้วแต่ศาลฎีกาเห็นว่าโทษปรับที่ศาลอุทธรณ์กำหนดคนละ 50 บาท นั้นสมควรแก่รูปคดีแล้ว จึงพิพากษาแก้เฉพาะบทลงโทษ เป็นลงโทษตามประมวลอาญา มาตรา 393 ปรับคนละ 50 บาท