คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1312/2533

แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ

ย่อสั้น

จำเลยกระทำความผิดข่มขืนกระทำชำเรา สำเร็จและหลบหนีไปแล้วเจ้าพนักงานจึงมาที่เกิดเหตุ ต่อมาจับจำเลยได้ ดังนี้ยังฟังไม่ได้ว่า จำเลยจำนนต่อ พยานหลักฐาน คำรับ สารภาพของจำเลยในชั้นจับกุมและชั้นสอบสวน จึงเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา.

ย่อยาว

โจทก์ฟ้อง ขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 277 ที่แก้ไขแล้ว
จำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 277 วรรคสาม พระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญา (ฉบับที่ 8) พ.ศ. 2530 มาตรา 3 จำคุกตลอดชีวิตริบมีดของกลาง
จำเลยอุทธรณ์ขอให้ลดโทษ
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “…คงมีข้อพิจารณาในชั้นนี้เฉพาะฎีกาจำเลย ในส่วนที่ขอให้ลดโทษ พิเคราะห์แล้ว สำหรับข้อหาข่มขืนกระทำชำเราหญิงผู้เสียหายอายุ 12 ปี นั้น ศาลชั้นต้นฟังข้อเท็จจริงว่า หลังจากจำเลยได้ลากตัวผู้เสียหายเข้าไปข่มขืนกระทำชำเราในดงหญ้าข้างทางแล้ว เจ้าพนักงานได้ทราบเหตุและเดินทางมาถึงบริเวณที่เกิดเหตุ ก็ปรากฏว่าจำเลยได้กระทำความผิดสำเร็จและหลบหนีออกไปจากที่เกิดเหตุแล้วต่อมาจึงได้ถูกจับกุมดังนี้จะถือว่าจำเลยจำนนต่อพยานหลักฐานนั้นยังฟังไม่ถนัดคำรับสารภาพของจำเลยต่อเจ้าพนักงานในชั้นจับกุมและชั้นสอบสวนจึงยังนับว่าเป็นประโยชน์แก่การพิจารณาอยู่บ้าง กรณีมีเหตุบรรเทาโทษ เห็นสมควรที่จะลดโทษให้ตามที่ขอมา…”
พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 277 วรรคสาม พระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญา(ฉบับที่ 8) พ.ศ. 2530 มาตรา 3 ให้ลงโทษจำคุกตลอดชีวิต จำเลยให้การรับสารภาพต่อเจ้าพนักงานในชั้นจับกุมและชั้นสอบสวนเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา ลดโทษให้หนึ่งในสี่โดยให้เปลี่ยนโทษจำคุกตลอดชีวิตเป็นโทษจำคุกห้าสิบปีตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 53, 78คงให้จำคุกจำเลยไว้มีกำหนด 37 ปี 6 เดือน นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์.

Share