คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 131/2484

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษฐานเบิกความเท็จ เมื่อจำเลยรับสารภาพแล้วศาลจะยกฟ้องเพราะโจทก์ไม่ได้อ้างสำนวนเดิมเป็นพะยานนั้นไม่ได้

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่าจำเลยเบิกความเท็จอันเป็นสารสำคัญในคดีดำที่ ๑๗๓/๒๔๘๓ ขอให้ลงโทษตามกฎหมายอาญามาตรา ๑๕๖ พ.ร.บ.แก้ไขเพิ่มเติมกฎหมายอาญา พ.ศ.๒๔๗๗ (ฉะบับที่ ๓)มาตรา ๔ ซึ่งจำเลยให้การรับสารภาพตามฟ้อง โจทก์จำเลยไม่สืบพะยาน
ศาลจังหวัดพิจิตร์เห็นว่าโจทก์มิได้อ้างสำนวนคดีดำที่ ๑๗๓/๒๔๘๓ มาเป็นพะยานตามฟ้องและคำให้การรับสารภาพไม่พอฟังว่าที่ว่าจำเลยเบิกความเท็จนั้นเป็นข้อสำคัญในคดีหรือไม่ แม้ศาลจะมีอำนาจเรียกสำนวนนั้นมาดูในฐานะเป็นพะยานของศาลได้ก็ตาม แต่ศาลจะเรียกมาเพื่อลงโทษจำเลยมิได้ จึงพิพากษายกฟ้องโจทก์
โจทก์อุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา สาลฎีกาเห็นว่าฟ้องโจทก์หาว่าจำเลยเบิกความเท็จในข้อสำคัญแห่งคดีซึ่งจำเลยก็รับสารภาพตามฟ้องทั้งไม่ติดใจสืบพะยานด้วย ศาลก็พิพากษาคดีได้โดยไม่ต้องฟังพะยานอะไรอีก เพราะมิใช่คดีซึ่งมีอัตราโทษจำคุกตั้งแต่ ๑๐ ปี ขึ้นไป ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา ๑๗๖ และก็ไม่มีเหตุที่จะระแวงสงสัยว่าคำเบิกความเท็จของจำเลยในคดีก่อนจะมิใช่ข้อสำคัญแห่งคดี จึงพิพากษากลับศาลล่างทั้ง ๒ ให้ลงโทษจำเลยตามบทกฎหมายที่โจทก์อ้าง

Share