คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 13090/2557

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ฟ้องโจทก์ไม่ได้บรรยายถึงองค์ประกอบความผิดว่าจำเลยทั้งสามร่วมกันเคลื่อนย้ายสัตว์ภายในท้องที่จังหวัดซึ่งได้ประกาศเป็นเขตโรคระบาดหรือสงสัยว่ามีโรคระบาดแต่อย่างใด แม้โจทก์จะมีคำขอท้ายฟ้องให้ลงโทษตาม พ.ร.บ.โรคระบาดสัตว์ พ.ศ.2499 มาตรา 42 ศาลไม่อาจพิพากษาลงโทษจำเลยในความผิดฐานดังกล่าวได้ เพราะเป็นข้อที่มิได้กล่าวในฟ้อง ตาม ป.วิ.อ. มาตรา 192 วรรคหนึ่ง ปัญหาข้อนี้เป็นปัญหาข้อกฎหมายที่เกี่ยวกับความสงบเรียบร้อย แม้คู่ความมิได้ฎีกา ศาลฎีกาก็ยกขึ้นวินิจฉัยได้ ตาม ป.วิ.อ. มาตรา 195 วรรคสอง ประกอบมาตรา 225

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยทั้งสามตามพระราชบัญญัติโรคระบาดสัตว์ พ.ศ.2499 มาตรา 7, 15, 16, 17, 21, 42 พระราชบัญญัติโรคพิษสุนัขบ้า พ.ศ.2535 มาตรา 4, 5, 21 ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91, 83 ริบกรงใส่สุนัขของกลาง
จำเลยทั้งสามให้การรับสารภาพ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยทั้งสามมีความผิดตามพระราชบัญญัติโรคระบาดสัตว์ พ.ศ.2499 มาตรา 7, 15, 16, 17, 21, 42 พระราชบัญญัติโรคพิษสุนัขบ้า พ.ศ.2535 มาตรา 4, 5, 21 (ที่ถูก ต้องประกอบประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83, 91) รวม 2 กระทง ฐานร่วมกันเคลื่อนย้ายสุนัขและค้าสุนัขโดยมิได้รับอนุญาตจากนายทะเบียน จำคุกคนละ 4 เดือน และปรับคนละ 10,000 บาท ฐานร่วมกันครอบครองสุนัขไม่จัดการให้สุนัขได้รับการฉีดวัคซีนจากสัตวแพทย์ ปรับคนละ 200 บาท รวมจำคุกคนละ 4 เดือน และปรับคนละ 10,200 บาท จำเลยทั้งสามให้การรับสารภาพ เป็นประโยชน์แก่การพิจารณา มีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 กระทงละกึ่งหนึ่ง คงจำคุกคนละ 2 เดือน และปรับคนละ 5,100 บาท โทษจำคุกให้รอการลงโทษไว้ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 56 เป็นเวลา 1 ปี ไม่ชำระค่าปรับให้จัดการตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 29, 30 ริบของกลาง
โจทก์อุทธรณ์ โดยอธิบดีอัยการสำนักงานคดีศาลสูงภาค 3 ซึ่งได้รับมอบหมายจากอัยการสูงสุดรับรองให้อุทธรณ์ในปัญหาข้อเท็จจริง
ศาลอุทธรณ์ภาค 3 พิพากษาแก้เป็นว่า เฉพาะความผิดฐานร่วมกันเคลื่อนย้ายสัตว์และฐานร่วมกันค้าสัตว์ ไม่ลงโทษปรับและไม่รอการลงโทษ เมื่อรวมกับโทษฐานร่วมกันครอบครองสุนัขโดยไม่จัดการให้สุนัขได้รับการฉีดวัคซีนตามคำพิพากษาศาลชั้นต้นแล้ว คงจำคุกคนละ 2 เดือน และปรับคนละ 100 บาท ไม่ชำระค่าปรับให้จัดการตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 29 นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
จำเลยที่ 1 และที่ 3 ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ที่จำเลยที่ 1 และที่ 3 ฎีกาขอให้รอการลงโทษนั้น เห็นว่า จำเลยที่ 1 และที่ 3 ร่วมกันทำการค้าสุนัขจำนวนมากถึง 117 ตัว โดยไม่จัดให้สุนัขดังกล่าวได้รับการฉีดวัคซีน นอกจากจะทำให้เกิดการระบาดของโรคพิษสุนัขบ้า และโรคติดต่ออื่นๆ แล้วยังเป็นการกระทำที่มุ่งแสวงหาประโยชน์ส่วนตนบนความทรมานของสัตว์จำนวนมาก พฤติการณ์แห่งคดีจึงเป็นเรื่องร้ายแรง แม้จำเลยที่ 1 และที่ 3 ไม่เคยรับโทษจำคุกมาก่อน มีภาระต้องเลี้ยงดูบุคคลในครอบครัว หรือมีเหตุอื่นตามที่อ้างในฎีกาก็ไม่เป็นเหตุเพียงพอที่จะรอการลงโทษให้จำเลยที่ 1 และที่ 3 ที่ศาลอุทธรณ์ภาค 3 พิพากษาไม่รอการลงโทษนั้น ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วย ฎีกาของจำเลยที่ 1 และที่ 3 ฟังไม่ขึ้น
ที่ศาลอุทธรณ์ภาค 3 พิพากษายืนตามศาลชั้นต้นให้ลงโทษจำเลยทั้งสามฐานร่วมกันเคลื่อนย้ายสัตว์ตามพระราชบัญญัติโรคระบาดสัตว์ พ.ศ.2499 มาตรา 15, 16, 17 นั้น เห็นว่า ตามฟ้องโจทก์ไม่ได้บรรยายฟ้องถึงองค์ประกอบความผิดว่าจำเลยทั้งสามร่วมกันเคลื่อนย้ายสัตว์ภายในท้องที่จังหวัดซึ่งได้ประกาศเป็นเขตโรคระบาดหรือสงสัยว่ามีโรคระบาดแต่อย่างใด แม้โจทก์จะมีคำขอท้ายฟ้องให้ลงโทษตามพระราชบัญญัติโรคระบาดสัตว์ พ.ศ.2499 มาตรา 42 ศาลไม่อาจพิพากษาลงโทษจำเลยทั้งสามในความผิดฐานดังกล่าวได้ เพราะเป็นข้อที่มิได้กล่าวในฟ้อง ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 192 วรรคหนึ่ง ปัญหาข้อนี้เป็นปัญหาข้อกฎหมายที่เกี่ยวกับความสงบเรียบร้อย แม้คู่ความมิได้ฎีกา ศาลฎีกาก็ยกขึ้นวินิจฉัยได้ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 195 วรรคสอง ประกอบมาตรา 225
พิพากษาแก้เป็นว่า ให้ยกฟ้องสำหรับจำเลยทั้งสามในความผิดตามพระราชบัญญัติโรคระบาดสัตว์ พ.ศ.2499 มาตรา 15, 16, 17 นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 3

Share