แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
โจทก์เป็นยามมีหน้าที่เฉพาะเฝ้าดูแลโกดังมิให้เกิดความเสียหายไม่ปรากฏว่ามีหน้าที่ดูแลหรือป้องกันมิให้มีการเล่นการพนันในสถานที่ของบริษัทจำเลยด้วย แม้โจทก์จะเป็นผู้ยินยอมให้มีการเล่นการพนันในตู้ยามซึ่งเป็นสถานที่ของบริษัทจำเลย ก็ยังถือไม่ได้ว่าโจทก์กระทำการฝ่าฝืนข้อบังคับหรือระเบียบเกี่ยวกับการทำงานของจำเลยอันเป็นการกระทำผิดอย่างร้ายแรง หรือกระทำการอันไม่เหมาะสมแก่การปฏิบัติหน้าที่ของตนให้ลุล่วงไปโดยถูกต้องและสุจริตแต่อย่างใด เมื่อจำเลยเลิกจ้าง จำเลยจึงต้องจ่ายค่าชดเชยให้โจทก์
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า โจทก์เป็นลูกจ้างประจำตำแหน่งยามรักษาความปลอดภัยของจำเลย เมื่อวันที่ 31 กรกฎาคม 2524 จำเลยเลิกจ้างโจทก์โดยกล่าวหาว่าโจทก์ให้บุคคลภายนอกเล่นการพนันในบริเวณบริษัทเป็นความผิดตามข้อบังคับการทำงานอย่างร้ายแรงซึ่งไม่เป็นความจริง หากแต่เป็นการกลั่นแกล้งโจทก์อย่างไม่เป็นธรรม จำเลยเลิกจ้างโจทก์โดยไม่จ่ายค่าชดเชยและมิได้บอกกล่าวล่วงหน้า ขอให้ศาลบังคับจำเลยจ่ายค่าชดเชย 20,658 บาทสินจ้างแทนการบอกกล่าวล่วงหน้า 3,443 บาท ค่าเสียหาย 20,658 บาทรวมเป็นเงิน 44,759 บาท พร้อมด้วยดอกเบี้ยร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีนับแต่วันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จ
จำเลยให้การว่า เมื่อวันที่ 23 พฤษภาคม 2524 ขณะโจทก์ปฏิบัติหน้าที่เป็นยามเฝ้าโกดังบริษัทจำเลย โจทก์ได้สมรู้ร่วมคิดหรือยินยอมให้มีการเล่นการพนันในป้อมยามซึ่งอยู่ในสถานที่ของบริษัทจำเลยเป็นการฝ่าฝืนระเบียบข้อบังคับเกี่ยวกับการทำงานอย่างร้ายแรง จำเลยจึงเลิกจ้างโจทก์โดยไม่จ่ายค่าชดเชยมิได้มีเจตนากลั่นแกล้งโจทก์หรือไม่ให้ความเป็นธรรมแก่โจทก์แต่อย่างใดขอให้ยกฟ้อง
ศาลแรงงานกลางวินิจฉัยว่า โจทก์ยินยอมให้มีการเล่นการพนันในป้อมยามซึ่งเป็นการผิดกฎหมายและผิดระเบียบข้อบังคับอย่างร้ายแรงจำเลยไม่ต้องจ่ายค่าชดเชย สินจ้างแทนการบอกกล่าวล่วงหน้าและค่าเสียหายแก่โจทก์ พิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์ต่อศาลฎีกา
ศาลฎีกาแผนกคดีแรงงานวินิจฉัยข้อกฎหมายว่า ตามเงื่อนไขการจ้างอันเป็นข้อบังคับหรือระเบียบเกี่ยวกับการทำงานของจำเลยข้อ 18.4 ระบุว่า”ห้ามพนักงาน หรือเล่นการพนันในระหว่างเวลาทำงานหรือในสถานที่ของบริษัท”ได้ความว่าโจทก์ไม่ได้ร่วมเล่นการพนันด้วย โจทก์เป็นยามมีหน้าที่เฉพาะเฝ้าดูแลโกดังมิให้เกิดความเสียหาย ไม่ปรากฏว่ามีหน้าที่ดูแลหรือป้องกันมิให้มีการเล่นการพนันในสถานที่ของบริษัทจำเลยด้วย แม้โจทก์จะเป็นผู้ยินยอมให้มีการเล่นการพนันในตู้ยามซึ่งเป็นสถานที่ของบริษัทจำเลย ก็ยังถือไม่ได้ว่าโจทก์กระทำการฝ่าฝืนข้อบังคับหรือระเบียบเกี่ยวกับการทำงานของจำเลยอันเป็นการกระทำผิดอย่างร้ายแรงหรือกระทำการอันไม่เหมาะสมแก่การปฏิบัติหน้าที่ของตนให้ลุล่วงไปโดยถูกต้องและสุจริตแต่อย่างใด จำเลยเลิกจ้างโจทก์จึงต้องจ่ายค่าชดเชยและสินจ้างแทนการบอกกล่าวล่วงหน้า
พิพากษาแก้เป็นว่า ให้จำเลยจ่ายค่าชดเชย 20,658 บาท สินจ้างแทนการบอกกล่าวล่วงหน้า 3,443 บาท รวมเป็นเงิน 24,101 บาท แก่โจทก์พร้อมด้วยดอกเบี้ยอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีนับแต่วันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จนอกจากที่แก้คงให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลแรงงานกลาง