คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1307/2503

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

โจทก์ซึ่งเป็นสามีจำเลยมีภูมิสำเนาอยู่ที่จังหวัดอุตรดิตถ์ ฟ้องขอหย่าขาดกับจำเลยต่อศาลจังหวัดอุตรดิตถ์ โดยโจทก์ยื่นคำร้องว่าจำเลยมีภูมิลำเนาอยู่จังหวัดพระนครในเขตศาลแพ่ง แต่มูลคดีอันเป็นเหตุขอหย่าตามที่โจทก์ฟ้อง เกิดขึ้นในจังหวัดอุตรดิตถ์ ทั้งตัวโจทก์และพยานโจทก์มีภูมิลำเนาในจังหวัดอุตรดิตถ์ ถ้าดำเนินการพิจารณาในศาลจังหวัดอุตรดิตถ์ จะเป็นการสดวกจึงขออนุญาตยื่นคำฟ้องต่อศาลจังหวัดอุตรดิตถ์ เช่นนี้ บทกฎหมายอันว่าด้วยการฟ้องคดีแพ่งนั้น บัญญัติขึ้นเพื่อจะให้ความสดวกแก่การฟ้องร้องคดีการต่อสู้คดีและการพิจารณาคดีประกอบกัน ตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 4(2) จะเห็นได้ว่า กฎหมายให้พิจารณาถึงความสดวกเป็นสำคัญ จะว่าหากให้ฟ้องยังศาลจังหวัดอุตรดิตถ์จำเลย จะต้องลำบากในการไปจากจังหวัดพระนคร แต่การให้ไปฟ้องยังศาลในจังหวัดพระนคร โจทก์ก็ต้องลำบากเช่นเดียวกันตามเหตุที่อ้างในคำร้องของโจทก์นั้น ศาลจังหวัดอุตรดิตถ์ ก็เป็นศาลที่มีอำนาจตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 4(2) และการให้ฟ้องยังศาลจังหวัดอุตรดิตถ์ก็เป็นการสดวกแก่พยาน หากศาลจังหวัดอุตรดิตถ์ยังไม่เป็นที่พอใจตามคำร้องของโจทก์หรือสงสัยประการใด ศาลจังหวัดอุตรดิตถ์จะสอบถามหรือไต่สวนตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 21 ก่อนก็ได้
กรณีเช่นนี้ กล่าวทางแง่ของจำเลย หากศาลจังหวัดอุตรดิตถ์ อนุญาตให้โจทก์ฟ้องที่ศาลจังหวัดอุตรดิตถ์ได้ ถ้าไม่มีเหตุสมควรที่จะทำการพิจารณาในศาลจังหวัดอุตรดิตถ์ ่จำเลยก็ยังมีทางแก้ไข โดยยื่นคำร้องตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 6 ขอโอนคดีไปยังศาลในจังหวัดพระนครได้

ย่อยาว

โจทก์ยื่นฟ้องที่ศาลจังหวัดอุตรดิตถ์ ขอหย่าขาดกับจำเลยและโจทก์ยื่นคำร้องว่าจำเลยมีภูมิลำเนาอยู่จังหวัดพระนครในเขตศาลแพ่ง แต่มูลคดีอันเป็นเหตุขอหย่าตามที่โจทก์ฟ้องเกิดขึ้นในจังหวัดอุตรดิตถ์ ทั้งตัวโจทก์และพยานโจทก์มีภูมิลำเนาในจังหวัดอุตรดิตถ์ ถ้าดำเนินการพิจารณาในศาลจังหวัดอุตรดิตถ์ จะเป็นการสดวก จึงขออนุญาตยื่นคำฟ้อง ต่อศาลจังหวัดอุตรดิตถ์
ศาลจังหวัดอุตรดิตถ์สั่งว่าได้พิเคราะห์คำร้องและคำฟ้อง แล้วเห็นว่า ไม่มีเหตุผลที่จะอนุญาตให้โจทก์ยื่นฟ้องที่ศาลนี้ได้ จึงไม่อนุญาตให้โจทก์ไปยื่นฟ้องต่อศาลที่มีอำนาจต่อไป
โจทก์อุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่า หญิงมีสามีนั้น เมื่อสามีมีภูมิลำเนาอยู่ในราชอาณาจักร ก็ต้องถือภูมิลำเนาของสามีตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา ๕๐ บัญญัติไว้ เว้นแต่จะต้องด้วยข้อยกเว้นในวรรค ๒ อย่างไรก็ดี โจทก์อ้างมาในคำร้องว่าว่า จำเลยซึ่งเป็นภรรยามีภูมิลำเนาอยู่จังหวัดพระนคร จึงต้องถือตามโจทก์ว่า ศาลฎีกาเห็นต่อไปว่า บทกฎหมาย อันว่า ด้วยการฟ้องคดีแพ่งนั้น บัญญัติขึ้นเพื่อจะให้ความสดวกแก่การฟ้องร้องคดีการต่อสู้คดีและการพิจารณาคดีประกอบกัน ตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา ๔(๒) จะเห็นได้ว่า กฎหมายให้พิจารณาถึงความสะดวกเป็นสำคัญที่โจทก์ร้องมานั้น ก็ไม่ใช้ปราศจากเหตุผล คือมูลคดีเกิดในจังหวัดอุตรดิตถ์พยานโจทก์ก็มีภูมิลำเนาอยู่ในจังหวัดเดียวกัน จะว่าหากให้ฟ้องยังศาลจังหวัดอุตรดิตถ์จำเลย จะต้องลำบากในการไปจากจังหวัดพระนคร แต่การไปฟ้องยังศาลในจังหวัดพระนคร โจทก์ก็ต้องลำบากเช่นเดียวกัน เมื่อมูลคดีเกิดในจังหวัดอุตรดิตถ์ ศาลจังหวัดอุตรดิตถ์ก็เป็นศาลที่มีอำนาจตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา ๔(๒) และเมื่อพยานโจทก์อยู่ในจังหวัดอุตรดิตถ์ การให้ฟ้องยังศาลจังหวัดอุตรดิตถ์ก็เป็นการสดวกแก่พยาน หากศาลจังหวัดอุตรดิตถ์ยังไม่พอใจหรือสงสัยประการใด ศาลจังหวัดอุตรดิตถ์จะสอบถามหรือไต่สวนตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา ๒๑ ก่อนก็ได้
อนึ่ง กล่าวทางแง่ของจำเลย หากศาลจังหวัดอุตรดิตถ์ อนุญาตให้โจทก์ฟ้องที่ศาลจังหวัดอุตรดิตถ์ได้ ถ้าไม่มีเหตุสมควรที่จะทำการพิจารณาในศาลจังหวัดอุตรดิตถ์ จำเลยก็ยังมีทางแก้ไข โดยยื่นคำร้องตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา ๖ ขอโอนคดีไปยังศาลในจังหวัดพระนครได้
ศาลฎีกาพิพากษาให้ยกคำสั่งและคำพิพากษาของศาลทั้งสองดังกล่าวให้ศาลจังหวัดอุตรดิตถ์รับฟ้องของโจทก์ได้

Share