คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1304/2501

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

เมื่อฟังว่าเจ้าหนี้ในประเทศไทยมีสิทธิขอรับชำระหนี้ในคดีล้มละลายในศาลแห่งประเทศอังกฤษได้ ผู้ขอรับชำระหนี้ซึ่งเป็นเจ้าหนี้ต่างประเทศและมีภูมิลำเนาอยู่ในประเทศอังกฤษก็มีสิทธิขอรับชำระหนี้ในคดีล้มละลายในศาลไทยได้ตามพระราชบัญญัติล้มละลาย มาตรา 178(1)
แต่เมื่อศาลแพ่งยังไม่ได้วินิจฉัยข้อเท็จจริงว่า ผู้ขอรับชำระหนี้มีสิทธิจะได้รับชำระหนี้เป็นจำนวนเงินเท่าใด โดยศาลแพ่งเห็นว่า ผู้ขอรับชำระหนี้ไม่มีสิทธิยื่นคำขอรับชำระหนี้และให้ยกคำขอรับชำระหนี้เสียเช่นนี้ การที่ศาลอุทธรณ์ตัดสินให้ยกคำสั่งศาลแพ่ง ให้ศาลแพ่งวินิจฉัยข้อเท็จจริงที่ว่า ผู้ขอรับชำระหนี้มีสิทธิจะได้รับชำระหนี้เป็นจำนวนเงินเท่าใดแล้วมีคำสั่งใหม่ตามรูปความ โดยศาลอุทธรณ์ไม่พิพากษาบังคับไปเลย ย่อมเป็นการชอบแล้ว

ย่อยาว

ศาลแพ่งสั่งให้พิทักษ์ทรัพย์จำเลยเด็ดขาด บริษัทสมิธและเดวิส จำกัด สำนักงานใหญ่อยู่ที่เบอร์มิงแฮม ประเทศอังกฤษ มอบอำนาจให้นายปั่นยื่นคำขอรับชำระหนี้ต่อเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์เป็นเงิน 26,453 บาท 69 สตางค์ ไม่มีผู้คัดค้าน เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์สอบสวนแล้วรายงานความเห็นว่าเจ้าหนี้รายนี้เป็นเจ้าหนี้ต่างประเทศมีสำนักงานใหญ่อยู่ต่างประเทศ และนำสืบยังฟังไม่ได้ว่าเคยมีคดีในศาลประเทศอังกฤษยอมให้เจ้าหนี้คนไทยขอรับชำระหนี้ในคดีที่คนอังกฤษล้มละลาย ควรยกคำขอรับชำระหนี้รายนี้

ศาลแพ่งสั่งเห็นชอบด้วย

ผู้ขอรับชำระหนี้อุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์เห็นว่า คำพยานของผู้ขอรับชำระหนี้เพียงพอที่จะรับฟังว่า เจ้าหนี้คนไทยในประเทศไทยมีสิทธิที่จะยื่นขอรับชำระหนี้ในประเทศอังกฤษได้พิพากษายกคำสั่งศาลแพ่ง ให้ศาลแพ่งวินิจฉัยข้อเท็จจริงเรื่องนี้แล้วมีคำสั่งใหม่ตามรูปความ

เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ฎีกา

ศาลฎีกาเห็นว่า ตามพยานหลักฐานของผู้ขอรับชำระหนี้ พอที่จะรับฟังได้ว่า เจ้าหนี้ในประเทศไทยย่อมมีสิทธิขอรับชำระหนี้ในคดีล้มละลายยังศาลแห่งประเทศอังกฤษได้ ผู้ขอรับชำระหนี้ จึงมีสิทธิขอรับชำระหนี้ได้ แต่ศาลแพ่งยังมิได้วินิจฉัยข้อเท็จจริงว่าผู้ขอรับชำระหนี้มีสิทธิจะได้รับชำระหนี้เป็นจำนวนเงินเท่าใดฉะนั้น ที่ศาลอุทธรณ์ชี้ขาดตัดสินเช่นนั้นโดยไม่พิพากษาบังคับเสียเลยดังที่เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์กล่าวมาในฎีกา ย่อมเป็นการชอบแล้ว

พิพากษายืนตามศาลอุทธรณ์

Share