แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
จำเลยเช่าแผงการค้าพิพาทจากโจทก์โดยไม่มีกำหนดเวลา แม้จำเลยจะมิได้กระทำการอันเป็นการฝ่าฝืนระเบียบของโจทก์ก็ดี จำเลยลงชื่อยินยอมออกจากแผงพิพาทโดยความสำคัญผิดก็ดี ก็ไม่เป็นเหตุที่จะตัดสิทธิโจทก์ในอันที่จะบอกเลิกการเช่าแก่จำเลย โจทก์มีสิทธิบริบูรณ์ตามกฎหมายที่จะบอกเลิกการเช่าแก่จำเลยได้ เมื่อโจทก์บอกเลิกการเช่าแล้วจำเลยไม่ยอมออกจากแผงพิพาทที่เช่า โจทก์ย่อมมีอำนาจฟ้องขับไล่และเรียกค่าเสียหายได้
ย่อยาว
โจทก์ทั้งสองสำนวนฟ้องว่า เมื่อวันที่ 10 ตุลาคม 2522 จำเลยทั้งสองสำนวนได้ทำหนังสือไว้ต่อโจทก์เพื่อทำการค้าบนแผงการค้าเป็นการชั่วคราวหากมีผู้ประมูลแผงดังกล่าวได้จำเลยทั้งสองยอมขนย้ายทรัพย์สินออกไปทันทีต่อมามีผู้ประมูลแผงดังกล่าวได้ โจทก์แจ้งให้จำเลยออกไปจากแผงนั้น จำเลยเพิกเฉย และก่อนฟ้องโจทก์ได้ให้ทนายมีหนังสือแจ้งให้จำเลยทั้งสองออกจากแผงพิพาทแล้ว จำเลยก็เพิกเฉยอีก ขอให้ศาลบังคับ
จำเลยทั้งสองสำนวนให้การว่า จำเลยทำการค้าบนแผงที่โจทก์ฟ้องมาตั้งแต่ พ.ศ. 2518 การที่จำเลยทั้งสองยอมลงชื่อในหนังสือออกจากแผงการค้าตามที่โจทก์อ้างเป็นเพราะถูกข่มขู่ จึงเป็นโมฆะ ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง
โจทก์ทั้งสองสำนวนอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับ ให้จำเลยทั้งสองและบริวารขนย้ายทรัพย์สินออกจากแผงการค้าพิพาท และใช้ค่าเสียหาย
จำเลยทั้งสองสำนวนฎีกา
ในปัญหาข้อกฎหมายที่ว่า เมื่อโจทก์บอกกล่าวให้จำเลยทั้งสองออกจากแผงการค้ารายพิพาทแล้ว จำเลยเพิกเฉย โจทก์จะมีอำนาจฟ้องขับไล่ และเรียกค่าเสียหายได้หรือไม่ ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า จำเลยทั้งสองเช่าแผงการค้ารายพิพาทจากโจทก์โดยไม่มีกำหนดเวลา แม้จำเลยจะมิได้กระทำการอันเป็นการฝ่าฝืนระเบียบของโจทก์ก็ดี จำเลยลงชื่อยินยอมออกจากแผงการค้าโดยความสำคัญผิดก็ดี ก็ไม่เป็นเหตุที่จะตัดสิทธิโจทก์ในอันที่จะบอกกล่าวเลิการเช่าแก่จำเลยแต่อย่างใด โจทก์มีสิทธิบริบูรณ์ตามกฎหมายที่จะบอกเลิกการเช่าแก่จำเลยได้เมื่อโจทก์บอกเลิกการเช่าแล้ว จำเลยไม่ยอมออกจากแผงการค้าที่เช่า โจทก์ย่อมมีอำนาจฟ้องขับไล่และเรียกค่าเสียหายได้
พิพากษายืน