แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ธนาคารโจทก์มีระเบียบว่าผู้สอบคัดเลือกได้จะต้องเข้ารับการฝึกอบรมก่อนบรรจุแต่งตั้ง จำเลยสอบคัดเลือกได้ โจทก์จึงรับจำเลยเข้าทำการฝึกอบรมและให้จำเลยทำหนังสือรับรองว่า ในกรณีที่ได้รับการบรรจุแต่งตั้งแล้วถ้าจำเลยลาออกจากงานภายใน 18 เดือน นับแต่วันเริ่มเข้ารับการฝึกอบรมยอมชำระเบี้ยปรับแก่ โจทก์ ดังนี้การที่โจทก์ให้จำเลยทำหนังสือรับรองดังกล่าวแสดงว่า เป็นความประสงค์ของโจทก์ที่จะให้มีข้อตกลงอันเกี่ยวกับเงื่อนไขการจ้างหรือการทำงาน หรือประโยชน์ของโจทก์เกี่ยวกับการจ้างหรือการทำงานด้วยหาใช่เป็นการแสดงเจตนาของจำเลยฝ่ายเดียวไม่ หนังสือรับรองดังกล่าวจึงเป็นส่วนหนึ่งของข้อตกลงเกี่ยวกับสภาพการจ้างระหว่างโจทก์จำเลยโจทก์ฟ้องให้จำเลยรับผิดตามหนังสือรับรอง จึงเป็นคดีพิพาทเกี่ยวด้วยสิทธิหรือหน้าที่ตามข้อตกลงเกี่ยวกับสภาพการจ้าง ศาลแรงงานกลางมีอำนาจพิจารณาพิพากษาได้
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยได้เข้ารับการฝึกอบรมเพื่อบรรจุแต่งตั้งเป็นพนักงานธนาคารโจทก์ โดยโจทก์เป็นผู้ออกค่าใช้จ่ายในการอบรมและจ่ายเบี้ยเลี้ยงให้จำเลย จำเลยตกลงว่าถ้าจำเลยลาออกจากงานภายใน18 เดือนนับแต่วันฝึกอบรม จำเลยยอมชำระเบี้ยปรับ 6,000 บาทแก่โจทก์ ต่อมาจำเลยลาออกจากงานภายในกำหนดดังกล่าวและไม่ยอมชำระเบี้ยปรับ ขอให้บังคับจำเลยชำระเบี้ยปรับและดอกเบี้ยแก่โจทก์
จำเลยให้การว่า เอกสารที่จำเลยทำขึ้นเป็นแต่เพียงหนังสือรับรองการเข้าฝึกอบรมเพื่อบรรจุและแต่งตั้งเป็นพนักงานของโจทก์และกำหนดเบี้ยปรับไว้เท่านั้น มิใช่ข้อตกลงอันเกี่ยวกับสภาพการจ้าง คดีจึงไม่อยู่ในอำนาจศาลแรงงานกลางที่จะพิจารณาพิพากษา
ศาลแรงงานกลางพิพากษาให้จำเลยชำระเงินเบี้ยปรับและดอกเบี้ยแก่โจทก์
จำเลยอุทธรณ์ต่อศาลฎีกา
ศาลฎีกาแผนกคดีแรงงานวินิจฉัยว่า ข้อเท็จจริงฟังได้ว่าตามระเบียบของโจทก์ผู้ที่สอบคัดเลือกได้เป็นพนักงานของโจทก์จะต้องฝึกอบรมก่อนบรรจุแต่งตั้ง จำเลยสอบคัดเลือกได้โจทก์จึงรับจำเลยเข้าทำการฝึกอบรมเพื่อบรรจุแต่งตั้งเป็นพนักงานของโจทก์ และให้พนักงานที่สอบได้ร่วมทั้งจำเลยทำหนังสือรับรองซึ่งมีข้อความว่า ในกรณีได้รับการบรรจุและแต่งตั้งเป็นพนักงานธนาคารโจทก์แล้วลาออกจากงาน หรือประพฤติตัวบกพร่องเป็นเหตุให้ธนาคารโจทก์เลิกจ้าง ให้ออก หรือไล่ออก ภายในระยะเวลา 18 เดือนนับแต่วันเริ่มเข้ารับการฝึกอบรม จำเลยยินยอมชำระเบี้ยปรับเป็นเงิน 6,000 บาท ให้แก่ธนาคารโจทก์ อันเป็นเงื่อนไขอย่างหนึ่งในการจ้าง การที่โจทก์ให้จำเลยทำหนังสือรับรองดังกล่าวแสดงว่าเป็นความประสงค์ของโจทก์ที่จะให้มีข้อตกลงอันเกี่ยวกับเงื่อนไขการจ้างหรือการทำงานหรือประโยชน์ของโจทก์ซึ่งเป็นนายจ้างเกี่ยวกับการจ้างหรือการทำงานด้วยหาใช่เป็นเพียงการแสดงเจตนาของจำเลยแต่ฝ่ายเดียวไม่ หนังสือรับรองของจำเลยจึงเป็นส่วนหนึ่งของข้อตกลงเกี่ยวกับสภาพการจ้างระหว่างโจทก์ผู้เป็นนายจ้างกับจำเลยผู้เป็นลูกจ้าง โจทก์ฟ้องจำเลยให้รับผิดตามหนังสือรับรองของจำเลยดังกล่าว จึงเป็นคดีพิพาทเกี่ยวด้วยสิทธิหรือหน้าที่ตามข้อตกลงเกี่ยวกับสภาพการจ้าง ศาลแรงงานกลางมีอำนาจพิจารณาพิพากษาตามพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแรงงานและวิธีพิจารณาคดีแรงงาน พ.ศ. 2522 มาตรา 8(1)
พิพากษายืน