คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 13027/2556

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

โจทก์และจำเลยที่ 1 ตกลงกันว่าให้โจทก์ออกค่าใช้จ่ายในการตกแต่งร้านค้าของจำเลยที่ 1 และจัดหาอุปกรณ์ชั้นวางของ ส่วนจำเลยที่ 1 เป็นผู้ลงทุนโดยซื้อสินค้าของโจทก์ในราคาอัตราส่วนลดสูงสุดตามแต่ขนาดธุรกิจที่ตกลงลงทุน เป็นเพียงการกำหนดเงื่อนไขของข้อตกลงซื้อขายสินค้าระหว่างโจทก์กับจำเลยที่ 1 ไม่ปรากฏข้อตกลงตอนใดที่แสดงว่าจำเลยที่ 1 ร่วมประกอบกิจการกับโจทก์ โดยประสงค์จะแบ่งกำไรและรับภาระขาดทุนร่วมกัน สัญญาดังกล่าวจึงเป็นสัญญาซื้อขายหาใช่สัญญาร่วมลงทุนไม่

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้บังคับจำเลยทั้งสองชำระเงิน 490,880.75 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี ของต้นเงิน 486,680.63 บาท นับถัดจากวันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์
จำเลยที่ 1 ให้การว่า ฟ้องโจทก์เคลือบคลุม ขอให้ยกฟ้อง
จำเลยที่ 2 ให้การว่า ฟ้องโจทก์เคลือบคลุม
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยทั้งสองชำระเงิน 490,880.75 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ7.5 ต่อปี ของต้นเงิน 486,680.63 บาท นับถัดจากวันฟ้อง (ฟ้องวันที่ 24 สิงหาคม 2550) จนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์ กับให้จำเลยทั้งสองใช้ค่าฤชาธรรมเนียมแทนโจทก์ โดยกำหนดค่าทนายความ 10,000 บาท
จำเลยทั้งสองอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน ให้จำเลยทั้งสองใช้ค่าทนายความชั้นอุทธรณ์ 8,000 บาท แทนโจทก์ ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นอุทธรณ์นอกจากนี้ให้เป็นพับ
จำเลยที่ 1 ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า คดีมีปัญหาต้องวินิจฉัยตามฎีกาของจำเลยที่ 1 ประการแรกว่า ฟ้องโจทก์เคลือบคลุมหรือไม่ เห็นว่า โจทก์บรรยายสภาพแห่งข้อหาและข้ออ้างที่อาศัยเป็นหลักแห่งข้อหาว่า จำเลยที่ 1 สั่งซื้อสินค้าจากโจทก์หลายรายการและผิดสัญญาซื้อขายสินค้าเนื่องจากไม่ชำระเงินค่าสินค้า ส่วนจำเลยที่ 2 ไม่ชำระหนี้ตามสัญญาค้ำประกันจึงเป็นการผิดสัญญาต่อโจทก์ โจทก์ทวงถามให้ชำระหนี้แล้ว จำเลยทั้งสองเพิกเฉย และมีคำขอบังคับให้จำเลยทั้งสองร่วมกันชำระค่าสินค้าแก่โจทก์ จึงเป็นการบรรยายฟ้องชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 172 วรรคสอง ทั้งโจทก์แนบสำเนาใบกำกับภาษีและสำเนาใบอินวอยซ์ซึ่งมีรายละเอียดประเภทสินค้าแต่ละรายการและจำนวนเงินไว้ท้ายคำฟ้องแล้ว จำเลยที่ 1 จึงสามารถให้การต่อสู้ได้ ส่วนข้อเท็จจริงที่โจทก์นำสืบรายละเอียดในชั้นพิจารณาจะแตกต่างไปจากฟ้องหรือไม่ อย่างไร ก็เป็นเพียงข้อพิจารณาว่า โจทก์นำสืบสมฟ้องหรือไม่ หามีผลให้ฟ้องโจทก์ที่บรรยายไว้ชอบด้วยกฎหมายแล้วกลับกลายเป็นฟ้องเคลือบคลุมไม่ ที่จำเลยที่ 1 ฎีกาว่า จำเลยที่ 1 โต้แย้งเรื่องความสมบูรณ์ของการซื้อขายและการรับมอบสินค้าไว้ แต่โจทก์ไม่อาจนำสืบให้เห็นว่า จำเลยที่ 1 ได้รับสินค้าไว้หรือไม่ อย่างไร จึงรับฟังไม่ได้ การที่ศาลล่างทั้งสองไม่วินิจฉัยประเด็นดังกล่าวเป็นการไม่ชอบนั้น เห็นว่า จำเลยที่ 1 ให้การเพียงว่า จำเลยที่ 1 สั่งซื้อสินค้าจากโจทก์หลายชนิดและหลายประเภทต้องให้จำเลยที่ 1 ตรวจสอบความถูกต้องก่อน จำเลยที่ 1 ตรวจสอบแล้วก็โต้แย้งไปยังโจทก์ให้มารับสินค้าคืน โดยจำเลยที่ 1 ไม่ได้ให้การปฏิเสธโดยชัดแจ้งว่าจำเลยที่ 1 ไม่ได้รับสินค้าตามสำเนาภาพถ่ายใบกำกับภาษีและใบอินวอยซ์ทั้ง 22 ฉบับจากโจทก์ คดีจึงไม่มีประเด็นว่า จำเลยที่ 1 ได้รับสินค้าจากโจทก์หรือไม่ ที่ศาลล่างทั้งสองไม่ได้วินิจฉัยในประเด็นนี้จึงชอบแล้ว ส่วนประเด็นเรื่องความสมบูรณ์ของการซื้อขายนั้น ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยโดยให้เหตุผลไว้ชัดแจ้ง จึงเป็นการวินิจฉัยตามประเด็นแห่งคดีโดยชอบแล้ว ที่จำเลยที่ 1 ฎีกาว่า ทางนำสืบของโจทก์ฟังได้ว่าสัญญาระหว่างโจทก์และจำเลยที่ 1 เป็นการร่วมลงทุน ไม่ใช่การขายสินค้า ทั้งศาลชั้นต้นรับฟังข้อเท็จจริงว่า เป็นการร่วมลงทุนโดยโจทก์ไม่ได้อุทธรณ์ กรณีจึงฟังเป็นยุติว่าเป็นการร่วมลงทุน เมื่อโจทก์ยังไม่ได้บอกเลิกสัญญาการเป็นหุ้นส่วน โจทก์จึงไม่มีอำนาจฟ้องจำเลยที่ 1 นั้น เห็นว่า แม้ทางนำสืบของโจทก์ประกอบข้อตกลงในใบสมัครโครงการดีเอชเอ สแควร์ ได้ความว่า โจทก์และจำเลยที่ 1 ตกลงกันว่าให้โจทก์ออกค่าใช้จ่ายในการตกแต่งร้านค้าของจำเลยที่ 1 และจัดหาอุปกรณ์ชั้นวางของ ส่วนจำเลยที่ 1 เป็นผู้ลงทุนโดยซื้อสินค้าของโจทก์ในราคาอัตราส่วนลดสูงสุดตามแต่ขนาดธุรกิจที่ตกลงลงทุน ก็เป็นเพียงการกำหนดเงื่อนไขของข้อตกลงซื้อขายสินค้าระหว่างโจทก์และจำเลยที่ 1 ทั้งไม่ปรากฏข้อตกลงตอนใดที่แสดงว่าจำเลยที่ 1 ร่วมประกอบกิจการกับโจทก์ โดยประสงค์จะแบ่งกำไรและรับภาระขาดทุนร่วมกัน สัญญาดังกล่าวจึงเป็นสัญญาซื้อขายหาใช่สัญญาร่วมลงทุนไม่ การนำสืบของโจทก์จึงไม่ใช่เรื่องนำสืบไม่สมฟ้อง ทั้งข้อวินิจฉัยของศาลชั้นต้นเป็นเพียงเหตุผลเพื่อนำไปสู่ความรับผิดตามสัญญาซื้อขายเท่านั้น หาใช่ศาลชั้นต้นพิจารณาเนื้อหาแห่งคำฟ้องประกอบทางนำสืบของโจทก์แล้วเห็นว่า นิติสัมพันธ์ระหว่างโจทก์และจำเลยที่ 1 เป็นสัญญาจัดตั้งห้างหุ้นส่วน อันจะนำมาเป็นเหตุยกฟ้องโจทก์ได้ ที่ศาลอุทธรณ์พิพากษามานั้น ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วย ฎีกาของจำเลยที่ 1 ฟังไม่ขึ้น
พิพากษายืน ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นฎีกาให้เป็นพับ

Share