แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
จำเลยที่ 5 เป็นหุ้นส่วนในห้างฯ จำเลยที่ 1 ในขณะที่จำเลยที่ 1 เป็นหนี้ค่าซื้อตั๋วโดยสารเครื่องบินโจทก์ แม้ภายหลังจำเลยที่ 5 ได้ออกจากหุ้นส่วนไปแล้วก็ยังคงต้องรับผิดในหนี้ซึ่งจำเลยที่ 1 ได้ก่อให้เกิดขึ้นก่อนที่ตนได้ออกจากหุ้นส่วนไปภายในกำหนดสองปีนับแต่เมื่อออกจากหุ้นส่วน ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 1051,1068
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยที่ 1 เป็นห้างหุ้นส่วนสามัญนิติบุคคล มีจำเลยที่ 2 เป็นหุ้นส่วนผู้จัดการ จำเลยที่ 3 เข้าเป็นหุ้นส่วนภายหลังจำเลยที่ 1 เป็นหนี้โจทก์แล้ว จำเลยที่ 4 ที่ 5เป็นหุ้นส่วนขณะที่จำเลยที่ 1 เป็นหนี้ค่าซื้อตั๋วโดยสารเครื่องบินที่ซื้อไปจากโจทก์ ขอให้จำเลยที่ 2 ถึงที่ 5 ร่วมรับผิดกับจำเลยที่ 1 ใช้ราคาตั๋วโดยสารเครื่องบินให้โจทก์พร้อมดอกเบี้ย
จำเลยที่ 1 ถึงที่ 4 ขาดนัดยื่นคำให้การและขาดนัดพิจารณา
จำเลยที่ 5 ให้การว่า จำเลยที่ 1 ไม่ได้ซื้อตั๋วโดยสารเครื่องบินจากโจทก์ สัญญาซื้อขายไม่ผูกพันจำเลยที่ 5 จำเลยที่ 5 ออกจากหุ้นส่วนของจำเลยที่ 1 ก่อนมูลหนี้ตามฟ้องเกิดขึ้น
ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับ ให้จำเลยทั้งห้าร่วมกันชดใช้เงิน 156,530 บาท แก่โจทก์พร้อมดอกเบี้ย
จำเลยที่ 5 ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า จำเลยที่ 1 ได้ติดต่อซื้อขายตั๋วโดยสารเครื่องบินกับโจทก์เป็นปกติทางการค้า และเป็นลูกหนี้โจทก์อยู่ตามฟ้อง เมื่อข้อเท็จจริงฟังได้ตามหนังสือรับรองกรมทะเบียนการค้า กระทรวงพาณิชย์ ว่าจำเลยที่ 5 เป็นหุ้นส่วนในห้างจำเลยที่ 1ตั้งแต่วันที่ 14 พฤษภาคม 2524 ถึงวันที่ 19 กุมภาพันธ์ 2527 ในช่วงเกิดเหตุจำเลยที่ 5จึงยังเป็นหุ้นส่วนห้างจำเลยที่ 1 แม้ภายหลังจำเลยที่ 5 ได้ออกจากหุ้นส่วนไปแล้วก็ยังคงต้องรับผิดในหนี้ซึ่งจำเลยที่ 1 ได้ก่อให้เกิดขึ้นก่อนที่ตนได้ออกจากหุ้นส่วนไปภายในกำหนดสองปีเมื่อออกจากหุ้นส่วน ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1051, 1068 โจทก์ฟ้องคดีเมื่อวันที่ 1 กรกฎาคม 2528 จึงยังไม่พ้นกำหนด
พิพากษายืน