แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยเป็นเจ้ามือสลากกินรวบ แต่ทางพิจารณาได้ความว่าจำเลยเป็นผู้เล่นสลากกินรวบ ถือว่าข้อเท็จจริงไม่ต่างกับฟ้อง ศาลลงโทษจำเลยฐานเป็นผู้เล่น (แทง) สลากกินรวบได้
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่าเมื่อวันที่ 5 กุมภาพันธ์ 2499 เวลากลางวันจำเลยกับพวกที่หลบหนีบังอาจสมคบกันเล่นการพนันสลากกินรวบ โดยจำเลยเป็นเจ้ามือ ซึ่งถ้าสลากที่จำหน่ายตรงกับเลขท้าย 3 ตัวของรางวัลที่ 1สลากกินแบ่งรัฐบาลไทยงวดออกวันที่ 5 กุมภาพันธ์ 2499 แล้ว จำเลยจะต้องเสียเงิน 600 เท่า ของจำนวนที่ได้จำหน่ายสลากกินรวบให้แก่ลูกค้านั้น ถ้าไม่ถูกจำเลยจะได้รับเงินที่ลูกค้าได้ซื้อสลากกินรวบนั้นไว้ โดยมิได้รับอนุญาตจากเจ้าพนักงาน
จำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้ววินิจฉัยว่า จำเลยมีผิดฐานเป็นผู้เล่น คือแทงสลากกินรวบพนันเอาทรัพย์สิน จึงพิพากษาให้ปรับจำเลยฐานเป็นผู้เล่นสลากกินรวบ
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกาว่า เมื่อโจทก์ฟ้องว่าจำเลยเป็นเจ้ามือสลากกินรวบเมื่อศาลฟังว่าจำเลยเป็นผู้เล่น ย่อมถือว่าข้อเท็จจริงต่างกับฟ้องควรยกฟ้อง
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ความจริงโจทก์ประสงค์ให้ศาลลงโทษจำเลยฐานเล่นการพนันสลากกินรวบโดยเป็นเจ้ามือแต่การพิจารณาได้ความว่าจำเลยเป็นผู้เล่น ซึ่งเป็นความผิดฐานเล่นการพนันสลากกินรวบชนิดเดียวกัน แต่โทาเบาลงจึงเห็นว่าศาลลงโทษได้ เพราะเป็นเรื่องที่อยู่ในวงความประสงค์ของโจทก์ที่จะให้ศาลลงโทษจำเลยในเรื่องการพนันรายนี้นั้นเอง จึงไม่เรียกว่าข้อเท็จจริงต่างกับฟ้องจึงพิพากษายืน