คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1702/2500

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

แม้จะปรากฎตามทะเบียนสำมะโนครัวว่าจำเลยได้ย้ายจากห้องพิพาทไปตั้งร้านจำหน่ายเครื่องเรือนอยู่ที่อีกจังหวัดหนึ่งแล้วก็ตาม จำเลยก็ยังมีสิทธิที่จะนำสืบว่าความจริงมิได้เป็นเช่นว่านั้นได้ ไม่เป็นการต้องห้ามตาม ป.วิ.แพ่ง ม.94 เพราะบทกฎหมายมาตรานี้มิได้บัญญัติห้ามในกรณีเช่นนี้.

ย่อยาว

เรื่อง ขับไล่ เรียกค่าเสียหาย
คดีได้ความว่าจำเลยที่ ๑ เช่าห้องพิพาทจากโจทก์เพื่อใช้เป็นที่อยู่อาศัย มีได้ประกอบการค้าอย่างใดและไม่ได้ให้ใครเช่าช่วง การที่จำเลยที่ ๒ มีชื่อในสำมะโนครัวที่ห้องพิพาทก็เพื่อการขอติดต่อน้ำประปาใช้เท่านั้น จำเลยที่ ๒ หาได้เข้าอยู่อาศัยในห้องพิพาทจริงจังไม่ และที่จำเลยที่ ๑ ย้ายสำมะโนครัวไปอยู่ที่ห้องจังหวัดธนบุรีก็เพื่อสะดวกแก่การขอจดทะเบียนพาณิชย์และการค้าให้บุตร แต่จำเลยที่ ๑ และครอบครัวยังคงอยู่ในห้องพิพาท
ศาลฎีกาพิพากษายืนตามศาลล่างทั้งสองว่า จำเลยได้รับความคุ้มครองตาม พ.ร.บ.ควบคุมค่าเช่าฯ โจทก์ไม่มีสิทธิ์บอกเลิกสัญญาเช่ากับจำเลยที่ ๑ ให้ยกฟ้องโจทก์
ข้อที่โจทก์ฎีกาว่า เมื่อปรากฎตามทะเบียนสำมะโนครัวว่าจำเลยได้ย้ายจากห้องพิพาทไปตั้งร้านจำหน่ายเครื่องเรือนอยู่ที่จังหวัดธนบุรีแล้ว จำเลยไม่มีสิทธิ์ที่จะสืบว่าความจริงมิได้เป็นเช่นนั้น เพราะการสืบเช่นนี้เป็นการสืบแก้ไขเอกสารมหาชนผิดต่อ ป.วิ.แพ่ง ม.๙๔ นั้น ศาลฎีกาเห็นว่าการสืบข้อเท็จจริงดังนี้ ย่อมสืบได้ ไม่ต้องห้ามตาม ป.วิ.แพ่ง มาตรา ๙๔ เพราะ ป.วิ.แพ่ง มาตรา ๙๔ มีได้บัญญัติห้ามในกรณีเช่นนี้.

Share