แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
เมื่อตึกแถวซึ่งเป็นวัตถุแห่งการเช่าซึ่งโจทก์เช่าจากจำเลยถูกเพลิงไหม้หมดสิ้น สัญญาเช่าก็ย่อมระงับไป
เมื่อการชำระหนี้ตกเป็นพ้นวิสัยเพราะเหตุอย่างใดอย่างหนึ่งอันจะโทษฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดก็ไม่ได้ลูกหนี้ก็หามีสิทธิรับชำระหนี้ตอบแทนไม่
เมื่อจำเลยผู้ให้เช่าให้การต่อสู้คดีไว้อีกว่าหลังจากเกิดเพลิงไหม้ตึกแถวแล้ว โจทก์ได้ให้จำเลยโอนสิทธิการครอบครองพื้นที่จัดสร้างอาคารในบริเวณตลาดชั่วคราวของจำเลย ให้โจทก์เป็นผู้ใช้ประโยชน์เป็นการชดเชยตึกแถวที่เช่าช่วงที่ถูกเพลิงไหม้ จำเลยก็ยอมตามที่โจทก์เรียกร้อง โจทก์ได้ครอบครองที่ดินใช้ประโยชน์ปลูกสร้างตลาดชั่วคราวจึงไม่มีสิทธิเรียกร้องเงินค่าเช่าคืนหรือค่าเสียหายใดๆ จากจำเลยได้ เป็นประเด็นอีกประเด็นหนึ่ง จึงจำเป็นต้องฟังข้อเท็จจริงต่อไป
เมื่อไม่มีข้อเท็จจริงที่ศาลฎีกาจะรับฟังมาวินิจฉัยข้อกฎหมายได้ อาศัยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 243 ข้อ 3(ข) ประกอบมาตรา 247 ศาลฎีกาให้ยกคำพิพากษาของศาลล่าง ให้ศาลชั้นต้นดำเนินการสืบพยานต่อไปได้
ย่อยาว
โจทก์ฟ้อง เมื่อวันที่ ๑๖ ธันวาคม ๒๕๐๗ โจทก์ได้เช่าตึกแถวเลขที่ ๓๑ จากจำเลยมีกำหนด ๒ ปี นับแต่วันที่ ๑ มกราคม ๒๕๐๘ ถึงวันที่ ๓๑ ธันวาคม ๒๕๐๙ ค่าเช่าเดือนละ ๖๒๕ บาท ได้ชำระค่าเช่าให้จำเลยรับไปในวันทำสัญญารวดเดียว ๒ ปี เป็นเงิน ๑๕,๐๐๐ บาท วันที่ ๑๒ กุมภาพันธ์ ๒๕๐๘ เกิดเพลิงไหม้ตึกที่เช่าหมด สัญญาเช่าจึงระงับ จำเลยมีหน้าที่ต้องคืนเงินที่รับล่วงหน้าเกินไป ๑๔,๑๒๕ บาท ให้โจทก์ขอให้ศาลพิพากษาให้จำเลยคืนเงินจำนวนดังกล่าวและดอกเบี้ย
จำเลยให้การว่า จำเลยเช่าตึกแถวดังกล่าวจากเทศบาล หลังจากเพลิงไหม้ทางการเทศบาลได้จัดสถานที่ให้ผู้ประสบภัยสร้างอาคารทำการค้าชั่วคราว โจทก์ได้ให้จำเลยโอนสิทธิครอบครองพื้นที่จัดสร้างตามสิทธิของจำเลยให้โจทก์เป็นการชดเชยตึกแถวเช่าช่วงที่ถูกเพลิงไหม้ โจทก์ไม่มีสิทธิที่จะเรียกร้องเงินคืนหรือเรียกค่าเสียหาย
ศาลชั้นต้นให้งดสืบพยานโจทก์ จำเลยวินิจฉัยว่า เพลิงไหม้ตึกแถวที่เช่าเป็นเหตุพ้นวิสัยซึ่งจำเลยไม่ต้องรับผิดจำเลยเป็นอันหลุดพ้นจากการชำระหนี้นั้นต่อไป โจทก์ไม่มีสิทธิเรียกเงินที่ได้ชำระหนี้ให้จำเลยไปคืน พิพากษายกฟ้องโจทก์
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์เห็นว่า กรณีต้องบังคับตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๓๗๒ วรรคแรก โจทก์มีสิทธิเรียกเงินค่าเช่าล่วงหน้าคืนตั้งแต่เดือนมีนาคม ๒๕๐๘ พิพากษากลับให้จำเลยคืนเงิน ๑๓,๗๕๐ บาท พร้อมด้วยดอกเบี้ย
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่า เมื่อตึกแถวซึ่งเป็นวัตถุแห่งการเช่าซึ่งโจทก์เช่าจากจำเลยถูกไฟไหม้หมดสิ้น สัญญาเช่าก็ย่อมระงับไปตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๕๖๗ และการชำระหนี้ก็ตกเป็นการพ้นวิสัยเพราะเหตุอย่างใดอย่างหนึ่งอันจะโทษฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดก็ไม่ได้ ลูกหนี้ก็หามีสิทธิรับชำระหนี้ตอบแทนไม่ ดังบทบัญญัติแห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๓๗๒ วรรคแรก แต่คดีนี้จำเลยได้ให้การสู้คดีไว้อีกว่า หลังจากเกิดเพลิงไหม้ตึกแถวแล้ว โจทก์ได้ให้จำเลยโอนสิทธิการครอบครองพื้นที่จัดสร้างอาคารในบริเวณตลาดชั่วคราวของจำเลยให้โจทก์เป็นผู้ใช้ประโยชน์เป็นการชดเชยตึกแถวที่เช่าช่วงที่ถูกเพลิงไหม้ จำเลยก็ยอมตามที่โจทก์เรียกร้อง โจทก์ได้ครอบครองที่ดินใช้ประโยชน์ปลูกตลาดชั่วคราวตลอดมาจนบัดนี้ โจทก์จึงไม่มีสิทธิจะเรียกร้องเงินค่าเช่าคืนหรือค่าเสียหายใด ๆ จากจำเลยได้ เป็นประเด็นอีกประเด็นหนึ่งและจำเลยก็ฎีกาประเด็นข้อนี้ขึ้นมาด้วย
ศาลฎีกาเห็นว่าข้อเท็จจริงข้อนี้โจทก์ไม่ได้รับ และศาลชั้นต้นก็สั่งงดสืบพยานของคู่ความเสีย ข้อเท็จจริงเรื่องโจทก์ได้รับโอนสิทธิการครอบครองที่ดินตรงถูกเพลิงไหม้จากจำเลยแล้วจริงหรือไม่ยังไม่ได้ความขัด จึงยังไม่มีข้อเท็จจริงที่ศาลจะรับฟังเอามาวินิจฉัยข้อกฎหมายได้ อาศัยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา ๒๔๓ ข้อ ๓(ข) ประกอบมาตรา ๒๔๗ คดีจึงจำเป็นต้องฟังข้อเท็จจริงต่อไป
พิพากษายกคำพิพากษาของศาลล่างทั้ง ๒ ศาล ให้ศาลชั้นต้นดำเนินการสืบพยานของคู่ความเกี่ยวกับเรื่องโจทก์ได้รับโอนสิทธิการครอบครองที่ดินตรงตึกแถวที่ถูกเพลิงไหม้จากจำเลยแล้วจริงหรือไม่ แล้วพิพากษาคดีใหม่ตามรูปความ