คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4564/2536

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

การประชุมใหญ่ผู้ถือหุ้นเรื่องการเพิ่มทุนของบริษัทซึ่งต้องใช้มติพิเศษ เมื่อที่ประชุมครั้งแรกลงคะแนนเสียงโดยวิธีชูมือผู้ถือหุ้นบางคนทักท้วงการลงคะแนนเสียงและขอให้ลงคะแนนลับประธานที่ประชุมไม่ได้แสดงว่าการลงคะแนนเสียงดังกล่าวเป็นมติที่ผ่านไปแล้วตามข้อบังคับของบริษัท จึงยังถือไม่ได้ว่าเป็นมติของที่ประชุมเป็นเด็ดขาด การที่ประธานที่ประชุมให้มีการลงคะแนนเสียงด้วยวิธีชูมืออีกครั้งหนึ่ง เมื่อมีการถอนคำขอให้ลงคะแนนลับแล้วผลการประชุมปรากฏว่า มีผู้ถือหุ้นในที่ประชุมทั้งหมด 78 คนออกเสียงอนุมัติการเพิ่มทุน 63 เสียง จึงเป็นการลงมติในที่ประชุมครั้งแรกด้วยคะแนนเสียงข้างมากไม่ต่ำกว่าสามในสี่ของจำนวนเสียงทั้งหมดแล้ว

ย่อยาว

ผู้ร้องยื่นคำร้องว่า ผู้คัดค้านซึ่งต่อไปจะเรียกว่าบรรษัทได้จัดให้มีการประชุมใหญ่สามัญผู้ถือหุ้นประจำปีครั้งที่ 30 ครั้นในวาระการประชุมที่ 7 เรื่องการเพิ่มทุนบรรษัท มีการฝ่าฝืนบทบัญญัติแห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์และข้อบังคับของบรรษัทเนื่องจากมีผู้ถือหุ้นจำนวนหนึ่งลงคะแนนอนุมัติ ผู้ร้องซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นคนหนึ่งลงคะแนนไม่อนุมัติ และผู้ถือหุ้นอีกจำนวนหนึ่งไม่ลงคะแนนออกเสียง แต่ประธานที่ประชุมไม่ได้นับคะแนนเสียงไว้ และได้ผ่านเข้าไปพิจารณาในวาระการประชุมที่ 8 จึงมีผู้ขอให้ประธานที่ประชุมนับคะแนนเสียง ประธานที่ประชุมจึงให้ผู้ถือหุ้นชูมือเพื่อนับคะแนนเสียงอีกครั้งหนึ่ง ผลปรากฏว่ามีผู้อนุมัติ 56 เสียง ผู้ร้องไม่อนุมัติ 1 เสียง ซึ่งภายหลังเมื่อนับจำนวนผู้ถือหุ้นที่เข้าร่วมประชุม และยังคงเหลืออยู่ในที่ประชุมในขณะนั้นมีจำนวนทั้งสิ้น 78 คน แสดงว่าที่ประชุมลงมติโดยคะแนนเสียงข้างมากไม่ถึงสามในสี่ของจำนวนเสียงทั้งหมด ดังนั้น ผลการลงมติดังกล่าวต้องยุติเด็ดขาดและตกไป หลังจากนั้น กรรมการผู้จัดการบรรษัทขอให้ผู้ถือหุ้นที่ลงคะแนนในมติเพิ่มทุนบรรษัทชูมือเพื่อนับคะแนนเสียงใหม่อีกครั้งหนึ่ง โดยอ้างว่าการลงมติข้างต้นมีพนักงานของบรรษัทซึ่งไม่ได้เป็นผู้ถือหุ้นชูมือด้วย ซึ่งได้ผลว่ามีผู้อนุมัติ 63 เสียง มีผู้ร้องไม่อนุมัติ 1 เสียง จากจำนวนผู้ถือหุ้นที่เข้าร่วมประชุมและยังคงเหลืออยู่ในที่ประชุมในขณะนั้นจำนวน 78 คน ทำให้ผลการลงมติแตกต่างเปลี่ยนแปลงไปจากผลการลงมติซึ่งตกไปแล้ว ประธานที่ประชุมได้ถือเป็นมติที่ประชุมและทำให้รายงานการประชุมดังกล่าวไม่ถูกต้อง เป็นการกระทำที่ไม่สุจริตขอให้เพิกถอนมติที่ประชุมใหญ่สามัญผู้ถือหุ้นประจำปีครั้งที่ 30เรื่อง เพิ่มทุนบรรษัทและรายงานการประชุมผู้ถือหุ้นดังกล่าว
ผู้คัดค้านยื่นคำคัดค้านว่า ในวาระการประชุมที่ 7 เรื่องการเพิ่มทุนบรรษัทเป็นการประชุมครั้งแรก ประธานที่ประชุมได้เสนอข้อมติให้ที่ประชุมผู้ถือหุ้นลงมติด้วยวิธีชูมือ มีผู้ถือหุ้นชูมือประมาณ 60 เสียง ผู้ร้องเพียงคนเดียวชูมือไม่อนุมัติ 1 เสียงประธานที่ประชุมจึงแจ้งให้ที่ประชุมทราบว่าคะแนนเสียงดังกล่าวเป็นเสียงข้างมาก และจะเริ่มการประชุมในวาระที่ 8 แต่มีผู้ขอให้มีการนับคะแนนเสียงอีกครั้งหนึ่ง จึงยังไม่มีการประชุมในวาระที่ 8ประธานที่ประชุมให้มีการลงมติโดยวิธีชูมืออีกครั้งหนึ่ง การลงมติและนับคะแนนดังกล่าวจึงเป็นอันยกเลิกไป การลงมติครั้งใหม่มีผู้ถือหุ้นชูมืออนุมัติ 56 เสียง ผู้ร้องคงชูมือไม่อนุมัติ1 เสียง การลงมติครั้งนี้หากประธานที่ประชุมแสดงผลแห่งการชูมือนับคะแนนเสียงก็จะได้คะแนนเสียงมากไม่ต่ำกว่าสามในสี่ของจำนวนเสียงทั้งหมด ไม่ใช่เป็นอันตกไปดังที่ผู้ร้องกล่าวอ้าง เพราะการนับคะแนนเสียงต้องนับจากคะแนนเสียงผู้ที่เข้าประชุมและชูมือออกเสียงเท่านั้น ไม่ว่าจะชูมือออกเสียงอนุมัติหรือไม่อนุมัติแต่ไม่นับผู้ที่เข้าประชุมซึ่งไม่ชูมือออกเสียงด้วย ขณะที่ประธานที่ประชุมกำลังจะแสดงผลมตินั้น ผู้ถือหุ้นได้อาศัยข้อบังคับบรรษัทร้องขอให้ที่ประชุมลงคะแนนลับประธานที่ประชุมจึงยังไม่อาจแสดงผลมติได้ การลงมติด้วยวิธีชูมือดังกล่าวจึงยังถือไม่ได้ว่าเสร็จสิ้นหรือมีการแสดงผลแต่อย่างใด ต่อมามีการถอนคำร้องขอให้ลงคะแนนลับจึงจำเป็นต้องมีการลงมติด้วยวิธีชูมือเช่นเดิม ปรากฏว่ามีผู้ถือหุ้นลงมติด้วยวิธีชูมืออนุมัติ 63 เสียง ผู้ร้องเพียงคนเดียวชูมือไม่อนุมัติ ประธานที่ประชุมจึงได้แสดงผลการลงมติด้วยวิธีชูมือดังกล่าวว่าที่ประชุมมีมติอนุมัติการเพิ่มทุนของบรรษัทด้วยคะแนนเสียงเกินกว่าสามในสี่ของจำนวนเสียงทั้งหมดและผ่านเข้าประชุมในวาระที่ 8 ทั้งได้มีการจดมติดังกล่าวลงไว้ในสมุดรายงานการประชุมของบรรษัทแล้ว การประชุมผู้ถือหุ้นเรื่องดังกล่าวได้ดำเนินการถูกต้องตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1194 และข้อบังคับของบรรษัท ขอให้ยกคำร้องขอ
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้ยกคำร้องขอ
ผู้ร้องอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
ผู้ร้องฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ในการพิจารณาข้อมติที่ประชุมเกี่ยวกับการเพิ่มทุน ประธานที่ประชุมได้กล่าวในตอนต้นหลังจากได้ฟังคำชี้แจงจากผู้เข้าประชุมแต่เพียงว่ามีเสียงส่วนใหญ่เห็นด้วยที่อนุมัติจะให้เพิ่มทุน ที่ไม่เห็นด้วยมี 1 เสียง แต่มีผู้ทักท้วงขอให้นับคะแนนเสียงเพราะต้องลงมติพิเศษ ประธานที่ประชุมจึงได้ขอให้ลงคะแนนด้วยวิธีชูมือ เจ้าหน้าที่นับคะแนนเสียงผู้อนุมัติได้56 เสียง ผู้ถือหุ้นบางคนได้ทักท้วงการลงคะแนนเสียงและขอให้ลงคะแนนลับ ประธานที่ประชุมไม่ได้แสดงว่าการลงคะแนนเสียงด้วยวิธีชูมือดังกล่าวเป็นมติที่ผ่านแล้วตามข้อบังคับของผู้คัดค้าน การที่ผู้ถือหุ้นลงคะแนนเสียงอนุมัติ 56 เสียง ไม่อนุมัติ 1 เสียงจึงไม่ถือว่าเป็นมติของที่ประชุมเป็นเด็ดขาด อีกทั้งตามข้อบังคับของผู้คัดค้านไม่มีข้อกำหนดว่า ถ้ามีการคัดค้านหรือทักท้วงการลงคะแนนเสียงจะให้ที่ประชุมลงคะแนนใหม่อีกไม่ได้ เมื่อมีการถอนคำร้องขอให้ลงคะแนนลับ ประธานที่ประชุมให้มีการลงคะแนนเสียงด้วยวิธีชูมืออีกครั้งหนึ่ง ผลการลงคะแนนปรากฏว่ามีผู้ถือหุ้นทั้งหมด 78 คน ลงคะแนนเสียงอนุมัติ 63 เสียง ประธานที่ประชุมได้แสดงผลของการลงคะแนนว่ายุติแล้วที่ประชุมจึงได้พิจารณาระเบียบวาระการประชุมข้ออื่นต่อไป การประชุมใหญ่สามัญประจำปีของผู้ถือหุ้นเรื่องการเพิ่มทุนบรรษัทซึ่งต้องใช้มติพิเศษตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1220 และที่ประชุมครั้งแรกนี้ต้องลงมติโดยคะแนนเสียงข้างมากไม่ต่ำกว่าสามในสี่ของจำนวนเสียงทั้งหมดมติพิเศษของที่ประชุมผู้ถือหุ้นครั้งแรกคะแนนเสียงอนุมัติให้เพิ่มทุน 63 เสียง ของจำนวนเสียงทั้งหมด 78 เสียง ซึ่งได้มีการบันทึกไว้ในรายงานการประชุมแล้วจึงเป็นไปโดยชอบด้วยกฎหมายและข้อบังคับของผู้คัดค้านทุกประการ ผู้ร้องไม่มีสิทธิร้องขอให้เพิกถอนได้
พิพากษายืน

Share