แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
การใช้กฎหมายส่วนที่เป็นคุณแก่จำเลยตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 3 นั้น ต้องพิจารณาทั้งโทษสูงและโทษต่ำ เช่น ถ้าจะลงโทษจำเลยฐานทำร้ายร่างกายบาดเจ็บสาหัส ถ้าจะลงโทษจำคุกเกิน 7 ปี ซึ่งจะลงได้ตามประมวลกฎหมายอาญา ม.297 เช่นนี้ ต้องใช้ ม.256 เพราะลงโทษจำคุกได้ ไม่เกิน 7 ปี แต่ถ้าจะลงโทษต่ำกว่า 2 ปี ลงมา (ถึง 6 เดือน) ต้องใช้ประมวลกฎหมายอาญา ม.297 เพราะบัญญัติให้ทำได้
แต่ถ้าการวางโทษอยู่ในระดับที่ใช้กฎหมายลักษณะอาญาก็ได้ หรือใช้ประมวลกฎหมายอาญาก็ได้ เช่นนี้ควรใช้กฎหมายลักษณะอาญา อันเป็นกฎหมายในขณะทำผิด
(ประชุมใหญ่ครั้งที่ 10/2500 )
ย่อยาว
คดีนี้โจทก์ฟ้องว่าเมื่อวันที่ ๑ สิงหาคม ๒๔๙๘ เวลากลางวันจำเลยนี้ได้บังอาจใช้มีดฟันนายโปร่งแสงเงินข้อมือขาดและแก้มขวาบาดเจ็บถึงรูปหน้าเสียโฉม จึงขอให้ลงโทษ
จำเลยต่อสู้ว่านายโปร่งซึ่งเป็นสามีจำเลยได้เอามืออุดปากลูกจนหน้าเขียว ร้องไม่ออก และไม่ดิ้น จำเลยกลัวลูกจะตายจึงฟันเอาหลายที ไม่ทราบว่าถูกที่ไหนบ้าง ทั้งจำเลยเป็นไข้มาเรเลีย ขึ้นสมอง ไม่รู้สึกผิดชอบขณะที่ฟัน
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วพิพากษาว่า ข้อแก้ตัวว่าไม่รู้สึกตัวของจำเลยโดยว่าเป็นไข้มาเรเลียขึ้นสมองนั้นฟังไม่ได้ พิพากษาว่าจำเลยผิดตามกฎหมายลักษณะอาญา มาตรา ๒๕๖ ให้จำคุก ๓ ปี
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ฟังว่าจำเลยกระทำไปเพื่อป้องกันบุตรแต่เป็นการเกินแก่เหตุ พิพากษาให้ลงโทษจำเลยตามกฎหมายลักษณะอาญา มาตรา ๒๕๖ ประกอบด้วย ม.๕๐,๕๓ ให้จำคุก ๑ ปี แต่ให้รอการลงอาญาไว้ตามมาตรา ๔๑
โจทก์ฎีกาว่าจำเลยทำไปโดยโกรธ มิใช่เพื่อป้องกันชีวิตลูก จึงขอให้ลงโทษตามศาลชั้นต้น
ศาลฎีกาวินิจฉัยคดีแล้ว พิพากษายืน แต่ได้มีการปฤกษาในที่ประชุมใหญ่ในเรื่องการใช้บทกฎหมาย ลักษณะอาญา และการใช้บทกฎหมายประมวลอาญา ลงโทษจำเลยไว้ดั่งต่อไปนี้
ในขณะที่ศาลฎีกาพิจารณาคดีนี้เป็นเวลาที่ยกเลิกกฎหมายลักษณะอาญาแล้ว และกำลังใช้ประมวลกฎหมายอาญา ตาม มาตรา ๓ แห่งประมวลกฎหมายอาญา บัญญัติว่า ถ้ากฎหมายที่ใช้ขณะกระทำความผิดแตกต่างกับกฎหมายที่ใช้ในภายหลัง ให้ใช้กฎหมายในส่วนที่เป็นคุณแก่ผู้กระทำผิดดังนี้จึงต้องดูว่า กฎหมายลักษณะอาญา มาตรา ๒๕๖ กับประมวลกฎหมายอาญามาตรา ๒๙๗ บทไหนเป็นคุณแก่จำเลย
ที่ประชุมใหญ่มีความเห็นว่า มาตรา ๒๕๖ แห่งกฎหมายลักษณะอาญา กับมาตรา ๒๙๗ แห่งประมวลกฎหมายอาญา ต่างมีคุณแก่ผู้กระทำผิด คือถ้าดูในโทษคั่นสูงแล้ว มาตรา ๒๕๖ มีคุณกว่า เพราะจำคุกอย่างสูงเพียง ๗ ปี แต่มาตรา ๒๙๗ ลงโทษอย่างสูงได้ถึง ๑๐ ปี แต่ถ้าจะดูโทษคั่นต่ำแล้ว มาตรา ๒๙๗ มีคุณกว่า เพราะอาจลงโทษแต่ ๖ เดือนขึ้นไป ส่วน ม.๒๕๖ ลงโทษจำคุกแต่ ๒ ปี ขึ้นไป จึงให้ถือหลักว่า ถ้าจะลงโทษจำคุกเกิน ๗ ปี ต้องใช้กฎหมายลักษณะอาญามาตรา ๒๕๖ ถ้าจะลงโทษจำคุกต่ำกว่า ๒ ปี ลงมา (ไม่ต่ำกว่า ๖ เดือน) แล้วต้องใช้ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๒๙๗
สำหรับการลงโทษในคดีนี้ เมื่ออาจจะใช้มาตรา ๒๕๖,๕๐,๕๓ แห่งกฎหมายลักษณะอาญาก็เป็นคุณแก่จำเลยแล้ว ก็ไม่จำเป็นต้องใช้ประมวลกฎหมายอาญามาตรา ๒๙๗