คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1291/2535

แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา

ย่อสั้น

โจทก์มิได้บรรยายฟ้องโดยใช้ข้อความตามที่บัญญัติไว้ในมาตรา 42 แห่งพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2521 ว่า กฎหมายของประเทศนั้นได้ให้ความคุ้มครองเช่นเดียวกันแก่งานอันมีลิขสิทธิ์ของภาคีอื่น ๆ แห่งอนุสัญญาดังกล่าว แต่ใช้คำว่า “ประเทศ”แทนคำว่า “กฎหมาย” ก็พอที่จะแปลความได้ว่ารวมถึงกฎหมายของประเทศนั้นด้วย อันหมายถึงประเทศนั้นได้ให้ความคุ้มครองแก่งานอันมีลิขสิทธิ์ของประเทศภาคีอื่นแห่งอนุสัญญาและของประเทศไทยซึ่งเป็นภาคีอยู่ด้วย ฟ้องของโจทก์จึงมีสาระสำคัญที่แสดงให้เห็นว่าแถบบันทึกภาพตามฟ้องเข้าหลักเกณฑ์ที่อาจได้รับความคุ้มครองตามมาตรา 42 และเป็นฟ้องที่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 158

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า บริษัทเทเลวิชั่น บรอดแคสท์ จำกัด ผู้เสียหายเป็นนิติบุคคลตามกฎหมายของประเทศฮ่องกง ซึ่งเป็นอาณานิคมของประเทศอังกฤษ เป็นผู้สร้างสรรค์และเป็นเจ้าของลิขสิทธิ์ในแถบบันทึกภาพอันเป็นโสตทัศนวัสดุ เรื่อง “เดอะ บัตเตอร์ฟิว”มีชื่อเป็นภาษาไทยว่า “สามก๊ก” งานอันมีลิขสิทธิ์ดังกล่าวได้รับความคุ้มครองตามกฎหมายไทย เนื่องจากประเทศไทยและประเทศอังกฤษรวมทั้งประเทศฮ่องกงเป็นประเทศที่เป็นภาคีในอนุสัญญาระหว่างประเทศว่าด้วยการคุ้มครองวรรณกรรมและศิลปกรรม ณ กรุงเบอร์นซึ่งทั้งประเทศไทยและประเทศฮ่องกงได้ให้ความคุ้มครองเช่นเดียวกันแก่งานมีลิขสิทธิ์ของภาคีอื่น ๆ แห่งอนุสัญญาดังกล่าวตามพระราชบัญญัติ ลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2521 และพระราชกฤษฎีกากำหนดเงื่อนไขเพื่อคุ้มครองลิขสิทธิ์ระหว่างประเทศ พ.ศ. 2526 เมื่อวันที่4 กันยายน 2528 เวลากลางวัน จำเลยเพื่อการค้าหากำไร ได้เสนอให้เช่า เสนอขาย และขายซึ่งแถบบันทึกภาพ (วีดีโอเทป) เรื่องดังกล่าวซึ่งมีผู้ทำซ้ำ ดัดแปลงขึ้นโดยละเมิดลิขสิทธิ์ของผู้เสียหายทั้งนี้โดยจำเลยรู้อยู่แล้วว่าแถบบันทึกภาพนั้นมีผู้ทำขึ้นโดยละเมิดลิขสิทธิ์ของผู้อื่น เหตุเกิดที่ตำบลบางครุ อำเภอพระประแดง จังหวัดสมุทรปราการ ตามวันเวลาดังกล่าวเจ้าพนักงานตำรวจจับกุมจำเลยได้พร้อมด้วยแถบบันทึกภาพเรื่องดังกล่าวม้วนที่ 6จำนวน 2 ม้วน และม้วนที่ 7 จำนวน 2 ม้วน ซึ่งจำเลยมีไว้เพื่อเสนอให้เช่า ให้เช่าเสนอขาย และขาย เป็นของกลาง ขอให้ลงโทษตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2521 มาตรา 4, 13, 25, 26, 27,42, 43, 44, 47 พระราชกฤษฎีกากำหนดเงื่อนไขเพื่อคุ้มครองสิขสิทธิ์ระหว่างประเทศ พ.ศ. 2526 มาตรา 3 และ 4 และสั่งให้วีดีโอเทปของกลางตกเป็นของเจ้าของลิขสิทธิ์
จำเลยให้การปฏิเสธ
ระหว่างพิจารณา บริษัทเทเลวิชั่น บรอดแคสท์ จำกัดผู้เสียหายยื่นคำร้องขอเข้าร่วมเป็นโจทก์ ศาลชั้นต้นอนุญาต
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติ ลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2521 มาตรา 44 วรรคสอง ลงโทษจำคุก2 เดือน ปรับ 20,000 บาท จำเลยไม่เคยต้องโทษจำคุกมาก่อน โทษจำคุกจึงให้รอการลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 (ที่ถูกเป็นมาตรา 56) มีกำหนด 1 ปี ไม่ชำระค่าปรับให้กักขังแทนตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 29, 30 ให้แถบบันทึกภาพยนตร์ของกลางตกแก่เจ้าของลิขสิทธิ์ ข้อหาอื่นให้ยกฟ้อง
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า ให้ยกฟ้องโจทก์ทุกข้อหาของกลางคืนเจ้าของ
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาตรวจสำนวนประชุมปรึกษาแล้ว คดีมีประเด็นขึ้นสู่ศาลฎีกาตามฎีกาของโจทก์ว่า ฟ้องของโจทก์ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 158 หรือไม่ เห็นว่า พระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2521 มาตรา 42 ได้บัญญัติเกี่ยวกับลิขสิทธิ์ระหว่างประเทศว่า “งานอันมีลิขสิทธิ์ตามกฎหมายของประเทศที่เป็นภาคีแห่งอนุสัญญาว่าด้วยการคุ้มครองลิขสิทธิ์ซึ่งประเทศไทยเป็นภาคีอยู่ด้วยและกฎหมายของประเทศนั้นได้ให้ความคุ้มครองเช่นเดียวกันแก่งานอันมีลิขสิทธิ์ของภาคีอื่น ๆ แห่งอนุสัญญาดังกล่าว หรืองานอันมีลิขสิทธิ์ขององค์การระหว่างประเทศซึ่งประเทศไทยร่วมเป็นสมาชิกอยู่ด้วย ย่อมได้รับความคุ้มครองตามพระราชบัญญัตินี้ทั้งนี้ ภายใต้เงื่อนไขที่กำหนดโดยพระราชกฤษฎีกา” คดีนี้โจทก์บรรยายฟ้องว่า จำเลยละเมิดลิขสิทธิ์โดยเสนอให้เช่า ให้เช่าเสนอขาย และขายแก่ประชาชนทั่วไปซึ่งงานสร้างสรรค์แถบบันทึกภาพ(วีดีโอเทป) ภาพยนตร์เรื่อง “เดอะ บัทเตอร์ฟิว” มีชื่อเป็นภาษาไทยว่า “สามก๊ก” ของโจทก์ร่วม ซึ่งมีผู้ทำซ้ำ ดัดแปลงขึ้นโดยละเมิดลิขสิทธิ์ของโจทก์ร่วม โดยจำเลยรู้อยู่แล้วว่าแถบบันทึกภาพดังกล่าวได้มีผู้ทำขึ้นโดยละเมิดลิขสิทธิ์ของผู้อื่น แถบบันทึกภาพของโจทก์ร่วมเป็นงานอันมีลิขสิทธิ์ตามกฎหมายของประเทศฮ่องกง(ที่ถูกเมืองฮ่องกง) และได้รับความคุ้มครองลิขสิทธิ์ตามกฎหมายไทยเพราะประเทศไทยและประเทศอังกฤษ (ที่ถูกประเทศสหราชอาณาจักร)รวมทั้งประเทศฮ่องกงซึ่งเป็นอาณานิคมของประเทศอังกฤษต่างเป็นภาคีในอนุสัญญาระหว่างประเทศว่าด้วยการคุ้มครองวรรณกรรมและศิลปกรรม ณ กรุงเบอร์น ซึ่งทั้งประเทศไทยและประเทศฮ่องกงได้ให้ความคุ้มครองเช่นเดียวกันแก่งานมีลิขสิทธิ์ของภาคีอื่น ๆแห่งอนุสัญญาดังกล่าวตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2521และพระราชกฤษฎีกากำหนดเงื่อนไขเพื่อคุ้มครองลิขสิทธิ์ระหว่างประเทศพ.ศ. 2526 ดังนี้ แม้โจทก์จะมิได้บรรยายฟ้องโดยใช้ข้อความตามที่บัญญัติไว้ในมาตรา 42 แห่งพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2521 ว่า”…และกฎหมายของประเทศนั้นได้ให้ความคุ้มครองเช่นเดียวกันแก่งานอันมีลิขสิทธิ์ของภาคีอื่น ๆ แห่งอนุสัญญาดังกล่าว…”แต่ใช้คำว่า “ประเทศ” แทนคำว่า “กฎหมาย” ก็พอที่จะแปลความหมายตามฟ้องของโจทก์ได้ว่ารวมถึงกฎหมายของประเทศฮ่องกงด้วยอันหมายถึงประเทศฮ่องกงได้ให้ความคุ้มครองแก่งานอันมีลิขสิทธิ์ของประเทศภาคีอื่นแห่งอนุสัญญาและของประเทศไทยซึ่งเป็นภาคีอยู่ด้วยมิใช่กรณีที่โจทก์ไม่ได้กล่าวในฟ้องเสียเลยว่า กฎหมายของประเทศฮ่องกงได้ให้ความคุ้มครองเช่นเดียวกันแก่งานอันมีลิขสิทธิ์ของประเทศไทยตามคำวินิจฉัยของศาลอุทธรณ์ ฟ้องของโจทก์จึงมีสาระสำคัญที่แสดงให้เห็นว่า แถบบันทึกภาพตามฟ้องเข้าหลักเกณฑ์ที่อาจได้รับความคุ้มครองตามมาตรา 42 แห่งพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์พ.ศ. 2521 และเป็นฟ้องที่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 158 แล้ว ที่ศาลอุทธรณ์พิพากษายกฟ้องโจทก์ทุกข้อหาโดยอาศัยเหตุที่ว่าฟ้องของโจทก์ไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 158 นั้น ศาลฎีกาไม่เห็นพ้องด้วย ฎีกาของโจทก์ฟังขึ้น
พิพากษายกคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ ให้ศาลอุทธรณ์พิจารณาแล้วพิพากษาใหม่ตามรูปคดี

Share