แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
เงื่อนไขที่พิมพ์ไว้ในสลากกินแบ่งรัฐบาลว่า “เงินรางวัลจ่ายแก่ผู้ถือสลากฉบับที่ถูกรางวัลมาขอรับ ” ก็ดี ” ถ้าผู้ถูกรางวัลไม่สามารถนำสลากที่ถูกรางวัลมาขอรับเงินตามเงื่อนไขที่กำหนดไว้ไม่ว่าเป็นกรณีใด ๆ ก็เป็นอันไม่มีสิทธิเรียกร้องให้จ่ายเงินที่อ้างว่าถูกรางวัลนั้น ” ก็ดี ยังแปลไม่ได้ว่าถึงแม้จะถูกรางวัลแล้ว จะไม่ได้รับรางวัลตามที่มีสิทธิ
และแม้ว่าเงื่อนไข (ข้อกำหนด) ดังกล่าวจะได้แจกจ่ายและโฆษณาทางวิทยุกระจายเสียงแล้วก็ตาม ยังหาผูกมัดผู้ซื้อไม่ เพราะเป็นข้อความที่นอกออกไปจากข้อสัญญาที่จำเลยระบุไว้ในสลากว่า (ว่าจะจ่ายให้แก่ผู้ถูกรางวั) จึงไม่เป็นเหตุจะให้ถือได้ว่าผู้ซื้อสลากได้รับเอาข้อสัญญาตามข้อกำหนดดังกล่าวนั้นไปด้วย
(ฎีกาที่ 1372/2497)
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยที่ ๑ ทำการออกสลากกินแบ่งรัฐบาลในบังคับบัญชาของจำเลยที่ ๒ โจทก์ได้ซื้อสลากงวดประจำวันที่ ๓๐ ก.ค. ๙๖ ไป จำหน่าย ๑๑๐ เล่ม จำหน่างไปได้ ๓๘ เล่ม ที่เหลือ ๗๒ เล่ม ถูกเพลิงไหม้ ต่อมาปรากฎว่าสลากที่จำเลยที่ ๑ ทำการออกงวดประจำวันที่ ๓๐ ก.ค. ๙๖ นั้นตรงกับสลากที่โจทก์ซื้อและเพลิงไหม้ ๑๗ ฉบับ รวมเงิน รางวัลทั้งสิ้น ๖๔๐๐ บาท จำเลยทั้งสองไม่ยอมจ่าย ขอให้บังคับ
จำเลยทั้งสองให้การต้องคำกันว่าจำเลยได้พิมพ์เงื่อนไขจ่ายเงินรางวัลไว้ที่สลากทุก ๆ ฉบับ ว่า “เงินรางวัลจะจ่ายแก่ผู้ถือสลากฉบับที่ถูกรางวัลมาขอรับ” และในหนังสือกำหนดการสลากกินแบ่งก็ได้กำหนดไว้ว่า ” ถ้าผู้ถูกรางวัลไม่สามารถนำสลากที่ถูกรางวัลมาขอรับเงินตามเงื่อนไขที่กำหนดไว้ ไม่ว่าในกรณีใด ๆ ก็เป็นอันไม่มีสิทธิเรียกร้องให้จ่ายเงินที่อ้างว่าถูกรางวัลนั้น ” และเงื่อนไขดังกล่าวนี้ ได้ประกาศทางวิทยุกระจายเสียงเพื่อให้ผู้ซื้อสลากทราบแล้ว ผู้ซื้อสลากก็ยอมรับเอาข้อสัญญาตามเงื่อนไขนี้ไปด้วย โจทก์ไม่มีสิทธิเรียกร้องให้จำเลยจ่ายเงิน อนึ่งโจทก์ได้แจ้งความสลากถูกเพลิงไหม้ต่ออำเภอตะพานหิน เลขสลากที่แจ้งบางเล่มในฟ้องไม่ตรงกัน
ศาลแพ่งพิพากษาฟังว่าโจทก์ได้ซื้อสลากซึ่งถูกรางวัลตามที่ฟ้องไปและถูกเพลิงไหม้เสียจริง เว้นแต่ฉบับเลขที่ ๖๓๗๙๘๔ เพราะไม่มีในบัญชีที่ตัวแทนของจำเลยจำหน่าย ส่วนเงื่อนไขและข้อกำหนดตามที่จำเลยต่อสู้นั้นไม่ชัดเจนพอที่จะให้ผู้ซื้อสลากเข้าใจได้ว่าสลากที่ถูกรางวัลแม้เพลิงไหม้ผู้ซื้อก็จะไม่ได้รับรางวัล พิพากษาให้จำเลยทั้งสองร่วมกันใช้เงินรางวับให้โจทก์ ๖๒๐๐ บาท
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์คงเห็นพ้องกับคำวินิจฉัยของศาลแพ่งทุกประการเว้นแต่คดีสำหรับตัวจำเลยที่ ๑ ศาลอุทธรณ์เห็นว่าจำเลยที่ ๑ ไม่ใช่นิติบุคคลและโจทก์ก็มิได้ฟ้องพลเอกสฤษดิ์เป็นส่วนตัว โจทก์จึงฟ้องจำเลยที่ ๑ ไม่ได้ จำเลยที่ ๑ ไม่ต้องรับผิด พิพากษาแก้ให้จำเลยที่ ๒ แต่ผู้เดียวใช้เงิน ๖๒๐๐ บาท
จำเลยฎีกาต่อมา
ศาลฎีกาเห็นว่าเรื่องเงื่อนไขในสลากกินแบ่งรัฐบาลนี้ ศาลฎีกาได้วินิจฉัยไว้ในคำพิพากษาฎีกาที่ ๑๓๗๒/๒๔๙๗ คดีระหว่างนายหา + โจทก์กระทรวงการคลัง โดยพลตรีเภา เพียรเลิศบริภัณฑ์ยุทธกิจ รัฐมนตรีว่าการที่ ๑ พล เอกสฤษดิ์ธนะรัชต์ ประธานกรรมการสลากกินแบ่งรัฐบาลที่ ๒ จำเลยแล้วว่าไม่มีเหตุผลอย่างใดที่จะแปลข้อกำหนดนั้นว่า ถึงแม้จะถูกรางวัลแล้ว แต่ไม่ถือสลากฉบับที่ถูกรางวัลมาแล้ว จะไม่ได้รับรางวัลตามที่มีสิทธิ ฎีกาจำเลยฟังไม่ขึ้น
ส่วนข้อกำหนดที่จำเลยอ้างว่าได้แจกจ่ายและโฆษณาลงวิทยุกระจายเสียงนั้น เป็นข้อความที่นอกออกไปจากข้อสัญญาที่จำเลยระบุไว้ในสลาก ไม่เป็นเหตุจะให้ถือได้ว่าผู้ซื้อสลากได้รับเอาข้อสัญญาตามกำหนดดังกล่าวนั้นไปด้วย ทั้งตามที่จำเลยนำสืบมาก็ไม่ได้ความเป็นหลักฐานว่าโจทก์ได้รู้ถึงและรับเอาข้อสัญญาตามข้อกำหนดนั้นไว้ด้วยเลย
พิพากษายืน