คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4495/2548

แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา

ย่อสั้น

คำว่า “เอกสาร” ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 1(7) หมายความว่า กระดาษหรือวัตถุอื่นใดซึ่งทำให้ปรากฏความหมายด้วยอักษร ตัวเลข ผัง หรือแผนแบบอย่างอื่น จะเป็นโดยวิธีพิมพ์ ถ่ายภาพ หรือวิธีอื่นใดอันเป็นหลักฐานความหมายนั้น ดังนั้น เอกสารจะมีขึ้นในรูปใด ๆ ก็ได้ การปลอมเอกสารจึงไม่ต้องมีเอกสารที่แท้จริงอยู่ก่อน
จำเลยปลอมหนังสือลาออกจากตำแหน่งผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านและคำรับรองความเห็นชอบของกำนันโดยลงลายมือชื่อปลอมบุคคลทั้งสองในหนังสือลาออก กับปลอมหนังสือขอแต่งตั้งผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านโดยจำเลยลงลายมือชื่อปลอมของกำนันลงในเอกสารเพื่อแสดงว่าจำเลยได้ร่วมกับกำนันพิจารณาคัดเลือกและจัดทำหนังสือขอแต่งตั้งผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านเสนอต่อนายอำเภอตามระเบียบ เป็นการทำเอกสารปลอมขึ้นทั้งฉบับ จึงเป็นความผิดฐานปลอมเอกสาร

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยทำปลอมขึ้นซึ่งหนังสือลาออกจากตำแหน่งผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านและคำรับรองว่าความเห็นชอบของกำนันอันเป็นเอกสารราชการขึ้นทั้งฉบับโดยนำแบบพิมพ์หนังสือลาออกของที่ว่าการอำเภอพานทองมาเขียนกรอกข้อความว่า “เขียนที่ทำการผู้ใหญ่บ้าน วันที่ 30 เดือน พ.ย. พ.ศ.2543 เรื่อง ขอลาออกจากตำแหน่งผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน เรียน นายอำเถอพานทอง เนื่องด้วย ข้าพเจ้า นายแมน เขียวสม ไม่สามารถปฏิบัติหน้าที่ตามตำแหน่งที่ได้รับมอบหมายให้ได้ดีเท่าที่ควร อาจเกิดความเสียหายแก่ทางราชการและประชาชน จึงขอลาออกจากตำแหน่งผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน หมู่ที่ 7 ตำบางนาง อำเภอพานทอง จังหวัดชลบุรี ตั้งแต่วันที่ 30 เดือน พ.ย. พ.ศ.2543 ขอได้โปรดพิจารณาอนุญาตให้ข้าพเจ้าลาออกจากตำแหน่งได้ตามประสงค์ด้วย ขอแสดงความนับถือ ลงชื่อ แมน เขียวสม ตำแหน่งผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านหมู่ที่ 7 ตำบลบางนาง ความเห็นกำนันผู้ใหญ่บ้านท้องที่ เห็นสมควรตามที่ผู้ช่วยขอลาออก ลงชื่อ (ลายมือชื่อ) ตำแหน่งผู้ใหญ่บ้าน ลงชื่อ สายสุนีย์ บุญมี ตำแหน่งกำนันตำบลบางนาง” เพื่อให้นายอำเภอพานทองหลงเชื่อว่า นายแมนผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน หมู่ที่ 7 ขอลาออกจากตำแหน่งจะได้ออกคำสั่งอนุญาต ความจริงแล้วนายแมนไม่ได้เขียนหนังสือออกแต่อย่างใด และจำเลยนำเอกสารราชการปลอมดังกล่าวไปใช้อ้างแสดงต่อนางสาวนพรัตน์ กุญแจทอง และนายอำเภอพานทอง ว่า นายแมนขอลาออกจากตำแหน่งผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน หมู่ที่ 7 เพื่อให้นางสาวนพรัตน์ดำเนินการตรวจสอบเอกสารและนำเสนอนายอำเภอพานทองเพื่ออนุมัติ นางสาวนพรัตน์ตรวจสอบแล้วเชื่อว่าเป็นเอกสารที่แท้จริง จึงนำเสนอนายอำเภอพานทอง นายอำเภอพานทองหลงเชื่อว่าเป็นเอกสารที่แท้จริง จึงออกคำสั่งให้นายแมนออกจากตำแหน่งได้ ทั้งนี้ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่นายอำเภอพานทอง นางสายสุนีย์ บุญมี นางสาวนพรัตน์ กุญแจทอง นายแมน เขียวสม ผู้อื่นหรือประชาชน ต่อมาจำเลยปลอมเอกสารหนังสือขอแต่งตั้งผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน อันเป็นเอกสารราชการโดยจำเลยในฐานะผู้ใหญ่บ้านหมู่ที่ 7 ตำบลบางนางในขณะนั้น ได้จัดทำหนังสือถึงนายอำเภอพานทองขอแต่งตั้งนางสาวนวลลักษณ์ ชลา เป็นผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน แทนบุคคลเดิมที่ลาออก โดยปลอมลายมือชื่อของนางสายสุนีย์ บุญมี กำนันตำบลบางนาง ลงในเอกสารดังกล่าวเพื่อให้นายอำเภอพานทองหลงเชื่อว่านางสายสุนีย์ได้ร่วมกับจำเลยพิจารณาคัดเลือกและจัดทำหนังสือขอแต่งตั้งดังกล่าวเสนอต่อนายอำเภอตามระเบียบ ต่อมาจำเลยนำเอกสารราชการปลอมดังกล่าวอ้างแสดงต่อนางสาวนพรัตน์ กุญแจทอง และนายอำเภอพานทอง นางสาวนพรัตน์ตรวจสอบเอกสารแล้วเชื่อว่าเป็นเอกสารที่แท้จริง ได้นำเสนอนายอำเภอพานทองและนายอำเภอพานทองตรวจสอบเอกสารแล้วหลงเชื่อว่าเป็นความจริง จึงดำเนินการแต่งตั้งนางสาวนวลลักษณ์เป็นผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน หมู่ที่ 7 ความจริงแล้วนางสายสุนีย์ไม่ได้ร่วมพิจารณาคัดเลือกและไม่ได้ลงชื่อดังกล่าว ทั้งนี้โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่นางสายสุนีย์ บุญมี นายอำเภอพานทอง ผู้อื่นหรือประชาชน ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 264, 265, 268 และริบของกลาง
จำเลยให้การรับสารภาพ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดฐานปลอมเอกสารราชการและใช้เอกสารราชการปลอม ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 264 วรรคแรก, 265, 268 จำเลยกระทำความผิดหลายกรรมต่างกัน ให้เรียงกระทงลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91 จำเลยเป็นผู้ปลอมและใช้เอกสารปลอม ให้ลงโทษฐานใช้เอกสารปลอมตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 268 จำคุกกระทงละ 1 ปี จำเลยให้การรับสารภาพเป็นประโยชน์แก่การพิจารณามีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษกึ่งหนึ่งตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 คงจำคุกกระทงละ 6 เดือน รวม 2 กระทง จำคุก 12 เดือน และริบของกลาง
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธร์ภาค 2 พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 264 วรรคหนึ่ง, 268 วรรคหนึ่ง ความผิดฐานปลอมเอกสารและใช้เอกสารปลอม ให้ลงโทษฐานใช้เอกสารปลอมตามมาตรา 268 วรรคหนึ่ง ประกอบมาตรา 264 วรรคหนึ่งเพียงกระทงเดียว ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 268 วรรคสอง ส่วนกำหนดโทษและนอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาของศาลชั้นต้น
จำเลยฎีกา โดยผู้พิพากษาซึ่งพิจารณาและลงชื่อในคำพิพากษาศาลชั้นต้นอนุญาตให้ฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “ปัญหาที่จะวินิจฉัยตามฎีกาของจำเลยประการแรกมีว่า การปลอมเอกสารจำต้องปลอมจากเอกสารที่มีอยู่จริงก่อนหรือไม่ เห็นว่า คำว่า “เอกสาร” ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 1 (7) หมายความว่า กระดาษหรือวัตถุอื่นใดซึ่งให้ปรากฏความหมายด้วยอักษร ตัวเลข ผัง หรือแผนแบบอย่างอื่น จะเป็นโดยวิธีพิมพ์ ถ่ายภาพ หรือวิธีอื่นใดอันเป็นหลักฐานแห่งความหมายนั้น ดังนั้นเอกสารจะมีขึ้นในรูปใด ๆ ก็ได้เหตุนี้การปลอมเอกสารจึงไม่ต้องมีเอกสารที่แท้จริงอยู่ก่อน การที่จำเลยปลอมหนังสือลาออกจากตำแหน่งผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านและคำรับรองความเห็นชอบของกำนันโดยจำเลยลงลายมือชื่อปลอมของบุคคลทั้งสองในหนังสือลาออกดังกล่าว กับการที่จำเลยปลอมหนังสือขอแต่งตั้งผู้ช่วยใหญ่บ้านโดยจำเลยลงลายมือชื่อปลอมของกำนันลงในเอกสารดังกล่าวเพื่อแสดงว่าจำเลยได้ร่วมกับกำนันพิจารณาคัดเลือกและจัดทำหนังสือขอแต่งตั้งผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านเสนอต่อนายอำเภอตามระเบียบ เช่นนี้ จึงเป็นการทำเอกสารปลอมขึ้นทั้งฉบับ การกระทำของจำเลยจึงเป็นความผิดฐานปลอมเอกสาร ฎีกาของจำเลยข้อนี้ฟังไม่ขึ้น”
พิพากษาแก้เป็นว่า ให้วางโทษปรับจำเลยกระทงละ 6,000 บาท อีกสถานหนึ่งลดโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 ให้กระทงละกึ่งหนึ่ง คงลงโทษปรับกระทงละ 3,000 บาท เรียงกระทงโทษ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91 รวมลงโทษปรับ 6,000 บาท โทษจำคุกให้รอการลงโทษไว้ 3 ปี และคุมความประพฤติจำเลยไว้มีกำหนด 2 ปี นับตั้งแต่วันที่ได้อ่านคำพิพากษาศาลฎีกาให้จำเลยฟัง โดยให้จำเลยไปรายงานตัวต่อพนักงานคุมประพฤติปีละ 3 ครั้ง ตามเงื่อนไขและกำหนดระยะเวลาที่พนักงานคุมประพฤติเห็นสมควร ให้จำเลยละเว้นการประพฤติใดอันอาจนำไปสู่การกระทำความผิดทำนองนี้อีกกับให้กระทำกิจกรรมบริการสังคมหรือสาธารณประโยชน์ตามที่พนักงานคุมประพฤติและจำเลยเห็นสมควรมีกำหนด 30 ชั่วโมง ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 56 หากไม่ชำระค่าปรับให้จัดการตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 29, 30 นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 2

Share