แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
เมื่อมีอุทธรณ์ทั้งในปัญหาข้อเท็จจริงและข้อกฎหมายแล้วประมวลวิธีมวลวิธีพิจารณาอาญา ม.194 ก็ใช้บังคับไม่ได้ศาลอุทธรณ์มีอำนาจฟังข้อเท็จจริงได้
โจทก์อุทธรณ์ทั้งข้อเท็จจริงและในข้อกฎหมายที่ศาลชั้นต้นยกฟ้อง ศาลอุทธรณ์พิพากษายืนตามศาลชั้นต้นแต่โดยอาศัยเหตุผลคนละอย่าง โดยไม่วินิจฉัยข้อกฎหมายที่โจทก์อุทธรณ์มานั้นได้ ไม่ผิดด้วยกระบวนพิจารณา
เมื่อเป็นฎีกาในปัญหาข้อกฎหมายของศาลชั้นต้นไม่ใช่ข้อกฎหมายของศาลอุทธรณ์แล้ว ศาลฎีกาก็รับวินิจฉัยไม่ได้.
ย่อยาว
ฟ้องว่าจำเลยขายสุราไม่ได้รับอนุญาตศาลชั้นต้นฟังว่าจำเลยขายแทนมารดาจำเลยซึ่งได้รับอนุญาตศาลชั้นต้นฟังว่าจำเลยขายแทนมารดาจำเลยซึ่งได้รับอนุญาตแล้วได้ ไม่มีผิด พิพากษายกฟ้อง ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน แต่อาศัยเหตุคนละอย่างโดยว่าโจทก์ไม่สามารถสืบได้ว่าจำเลยขายโดยไม่มีใบอนุญาต โจทก์ฎีกาในข้อกฎหมาย ศาลฎีกาเห็นว่าที่โจทก์ค้านว่า คำพิพากษาศาลอุทธรณ์ขัดต่อประมวลวิธีพิจารณาอาญา ม.๑๙๔ นั้นฟังไม่ได้ เพราะมาตรานี้บัญญัติถึงคดีที่อุทธรณ์แต่ในปัญหาข้อกฎหมายอย่างเดียว ซึ่งคดีนี้โจทก์ได้อุทธรณ์ทั้งในปัญหาข้อเท็จจริงและข้อกฎหมาย ที่โจทก์คัดค้านว่าศาลอุทธรณ์ไม่ได้วินิจฉัยข้อกฎหมายที่อ้างมาในอุทธรณ์ ก็เห็นว่าฟังไม่ได้อีก เพราะศาลอุทธรณ์ได้พิพากษายืนศาลชั้นต้นก็จริง แต่อาศัยเหตุผลคนละอย่าง ปัญหาข้อกฎหมายเกิดขึ้นจากคำพิพากษาศาลชั้นต้น ศาลอุทธรณ์จึงไม่ต้องวินิจฉัย เพราะมีเหตุผลอื่นแล้วในการวินิจฉัยคดี ส่วนข้อกฎหมายที่ยกขึ้นฎีกามาอีกก็เกี่ยวข้องกับคำพิพากษาศาลชั้นต้นเท่านั้น หาเป็นข้อคัดค้านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ไม่ฉะนั้นจึงรับวินิจฉัยไม่ได้ พิพากษายืนตามศาลอุทธรณ์.