แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
กล่าวบรรยายในฟ้องว่า จำเลยขับรถรางโดยประมาทปราศจากความระมัดระวังเป็นเหตุให้ชนรถยนตร์เสียหาย ขอให้ลงโทษตาม พรบ ++ เช่นนี้เพียงพอที่จะทำให้ จำเลยเข้าใจข้อหาซึ่งจะเป็นผิดตาม พรบ จราจรได้แล้ว ไม่เป็นฟ้องที่เคลือบคลุม
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยขับรถรางโดยความประมาทปราศจากความระมัดระวังอันควรเป็นวิสัยของปกติชนเป็นเหตุให้ชนรถยนตร์ประจำทางของเทศบาลนครกรุงเทพฯ เสียหาย ขอให้ ลงโทษตาม พรบ จราจรทางบก พ.ศ. ๒๔๗๗ มาตรา ๒๙ พรบ จราจรทางบก (ฉะบับที่ ๓) พ.ศ. ๒๔๘๑ มาตรา ๔ กฎหมายลักษณอาญามาตรา ๓๓๖ (๑๕)
ศาลล่างทั้ง ๒วินิจฉัยว่า ฟ้องของ โจทก์เป็นฟ้องเคลือบคลุม
ศาลฎีกาเห็นว่า พรบ จราจรทางบก พ.ศ. ๒๔๗๗ มาตรา ๒๙ บัญญัติว่า “ห้ามมิให้ผู้ใดขับรถในกรณีต่อไปนี้ ฯลฯ (๔) โดยความประมาทหรือเป็นเหตุน่าหวาดเสียวอาจเกิดอันตรายแก่ประชาชน มาตรานี้ให้ใช้บังคับตลอดถึงรถรางด้วยโดยอนูโลม” เมื่อกฎหมายมืออยุ่ดังนี้ ตาม ที่ โจทก์กล่าวในฟ้องว่า ” จำเลยขับรถราง ฯลฯ โดยความประมาทปราศจากความระมัดระวังอันควรเป็นวิสัยของปกติชน เป็นเหตุให้รถรางซึ่ง จำเลยขับไปนั้น ชนรถยนตร์ ฯลฯ เสียหาย ” เช่นนี้เป็นการกล่าวข้อเท็จจริงซึ่งจะเป็นผิดตาม พรบ จราจร ฯลฯ เพียงพอให้ จำเลยเข้าใจได้ดีแล้ว ฟ้องของ โจทก์จึงไม่เคลือบคลุม พิพากษากลับคำ พิพากษา ศาลล่างทั้ง ๒ ให้ ศาลแขวงพระสครใต้ดำเนินคดีนี้ในความผิดตาม พรบ จราจร ที่ โจทก์กล่าวหาต่อไปตาม กระบวนความ