แหล่งที่มา : สำนักวิชาการ
ย่อสั้น
จำเลยมีเมทแอมเฟตามีน 44 เม็ด ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย แม้โจทก์ไม่ได้บรรยายว่าเมทแอมเฟตามีน 44 เม็ด มีปริมาณคำนวณเป็นสารบริสุทธิ์เท่าใด แต่โจทก์บรรยายฟ้องมาแล้วว่า เมทแอมเฟตามีนของกลาง 169 เม็ด จำเลยมีไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายมีน้ำหนัก 15.192 กรัม คำนวณเป็นสารบริสุทธิ์ได้ 3.166 กรัม และเมทแอมเฟตามีนที่จำเลยมีไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย 44 เม็ด ดังกล่าวเป็นส่วนหนึ่งของเมทแอมเฟตามีน 169 เม็ด ดังนั้น จึงย่อมสามารถคำนวณหาสารบริสุทธิ์ของเมทแอมเฟตามีน 44 เม็ด โดยคำนวณเทียบกับปริมาณสารบริสุทธิ์ของเมทแอมเฟตามีน 169 เม็ด ซึ่งคำนวณแล้วปรากฏว่ามีสารบริสุทธิ์ 0.824 กรัม ซึ่งเกินกว่าสามร้อยเจ็ดสิบห้ามิลลิกรัมแต่ไม่ถึงยี่สิบกรัม การกระทำของจำเลยจึงเป็นความผิดตาม พ.ร.บ.ยาเสพติดให้โทษ พ.ศ.2522 มาตรา 66 วรรคสอง ซึ่งตามมาตรา 100/1 บัญญัติว่า ความผิดตามพระราชบัญญัตินี้ที่มีโทษจำคุกและปรับ ให้ศาลลงโทษปรับด้วยเสมอโดยคำนึงถึงการลงโทษในทางทรัพย์สินเพื่อป้องปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติดให้โทษ ที่ศาลอุทธรณ์ลงโทษจำเลยฐานมีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายโดยไม่ปรับด้วยนั้นจึงไม่ถูกต้อง ปัญหานี้เป็นข้อกฎหมายที่เกี่ยวกับความสงบเรียบร้อย ศาลฎีกามีอำนาจยกขึ้นวินิจฉัยเองได้ตาม ป.วิ.อ. มาตรา 195 วรรคสอง ประกอบมาตรา 225 แต่โจทก์มิได้ฎีกาในปัญหาดังกล่าว ศาลฎีกาไม่อาจลงโทษปรับได้ เพราะจะเป็นการพิพากษาเพิ่มเติมโทษจำเลยซึ่งต้องห้ามตาม ป.วิ.อ. มาตรา 212 และ 225 ประกอบ พ.ร.บ.วิธีพิจารณาคดียาเสพติด พ.ศ.2550 มาตรา 3
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ.2522 มาตรา 4, 7, 8, 15, 57, 66, 91, 100/1, 102 ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 32 ริบเมทแอมเฟตามีนของกลาง
จำเลยให้การรับสารภาพข้อหาเสพเมทแอมเฟตามีน ส่วนข้อหาอื่นให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ.2522 มาตรา 57, 91 จำคุก 6 เดือน และปรับ 10,000 บาท จำเลยให้การรับสารภาพเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา มีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้กึ่งหนึ่งตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 คงจำคุก 3 เดือน และปรับ 5,000 บาท โทษจำคุกให้รอการลงโทษไว้มีกำหนด 2 ปี ให้คุมความประพฤติจำเลยโดยให้จำเลยไปรายงานตัวต่อพนักงานคุมประพฤติ 3 เดือนต่อครั้ง เป็นเวลา 1 ปี ให้จำเลยยินยอมให้พนักงานคุมประพฤติตรวจปัสสาวะเพื่อหาสารเสพติด และห้ามจำเลยเกี่ยวข้องกับยาเสพติดให้โทษทุกประเภทตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 56 ไม่ชำระค่าปรับให้จัดการตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 29, 30 ริบเมทแอมเฟตามีนของกลาง ส่วนข้อหามีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายให้ยก
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์แผนกคดียาเสพติดพิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ.2522 มาตรา 15 วรรคสาม (2), 66 วรรคหนึ่ง จำคุก 6 ปี สำหรับความผิดฐานเสพเมทแอมเฟตามีนไม่ลงโทษจำคุกแต่ให้ลงโทษปรับจำเลยเพียงสถานเดียว 10,000 บาท ลดโทษให้กึ่งหนึ่งตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 คงปรับ 5,000 บาท เมื่อรวมโทษทุกกระทงแล้วคงจำคุก 6 ปี และปรับ 5,000 บาท ไม่ชำระค่าปรับให้จัดการตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 29, 30 ไม่คุมความประพฤติจำเลย นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
จำเลยฎีกา โดยได้รับอนุญาตจากศาลฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ข้อเท็จจริงฟังเป็นยุติว่า ตามวันเวลาและสถานที่เกิดเหตุตามฟ้อง เจ้าพนักงานตำรวจจับกุมจำเลยพร้อมกับยึดเมทแอมเฟตามีน 169 เม็ด น้ำหนัก 15.192 กรัม คำนวณเป็นสารบริสุทธิ์ได้ 3.116 กรัม เป็นของกลาง จำเลยเสพเมทแอมเฟตามีนและข้อหาเสพเมทแอมเฟตามีนของจำเลยยุติตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้องโจทก์ในข้อหามีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายทั้งหมดที่พบในบ้านจำเลยคือจำนวน 169 เม็ด แต่ศาลอุทธรณ์พิพากษาลงโทษจำเลยในข้อหามีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายเฉพาะจำนวน 44 เม็ด (ส่วนหนึ่งของจำนวน 169 เม็ด) ส่วนที่เหลือยกฟ้องตามศาลชั้นต้น คดีจึงมีปัญหาต้องวินิจฉัยตามฎีกาของจำเลยว่า จำเลยมีความผิดตามที่ศาลอุทธรณ์พิพากษาหรือไม่
โจทก์มีดาบตำรวจสมพร ผู้ร่วมตรวจค้นบ้านจำเลยเป็นพยานเบิกความว่า เมทแอมเฟตามีนจำนวน 125 เม็ด บรรจุอยู่ในถุงพลาสติกใสแบบกดเปิดปิดวางอยู่ที่พื้นปลายเตียงนอนของจำเลย ส่วนเมทแอมเฟตามีนจำนวน 44 เม็ด ที่มีปัญหาต้องวินิจฉัยนี้บรรจุในห่อหมากฝรั่งซึ่งวางอยู่ในตะกร้าที่วางอยู่ใต้ชั้นวางโทรทัศน์ ซึ่งมีแผ่นซีดีวางทับบนห่อหมากฝรั่งดังกล่าว จุดที่ตรวจค้นพบเมทแอมเฟตามีนตามแผนที่เกิดเหตุโจทก์ยังมีดาบตำรวจกิติยา ผู้ตรวจค้นห้องนอนของจำเลยและพบเมทแอมเฟตามีนโดยตรงเป็นพยานเบิกความว่าจำเลยเป็นผู้นำตรวจค้นภายในบ้านที่เกิดเหตุ ซึ่งมี 1 ห้องโถง 2 ห้องนอน และ 1 ห้องครัว ตามแผนที่เกิดเหตุ ขณะนั้นประตูห้องนอนของจำเลยปิดอยู่แต่ไม่ได้ล็อกประตู เมื่อเปิดเข้าไปในห้องนอนพบเมทแอมเฟตามีนซึ่งบรรจุในถุงพลาสติกใสชนิดกดเปิดปิดจำนวน 125 เม็ด มีลักษณะสีส้มกลมแบนวางอยู่กับพื้นห้องปลายเตียงนอน แล้วไปค้นที่ชั้นวางโทรทัศน์ในห้องนอนจำเลย พบตะกร้าซึ่งวางแผ่นซีดีไว้ ภายในตะกร้าพบซองกระดาษห่อหมากฝรั่งสีเขียวยี่ห้อดับเบิ้ลมิ้นต์ ซึ่งมีแผ่นซีดีวางทับห่อกระดาษหมากฝรั่งดังกล่าวอยู่ จึงนำห่อกระดาษหมากฝรั่งดังกล่าวมาแกะดู พบว่าภายในบรรจุเมทแอมเฟตามีนชนิดกลมแบนสีส้ม จำนวน 44 เม็ด จุดที่ค้นพบเมทแอมเฟตามีนทั้งสองจุดดังกล่าวตามแผนที่สังเขป ทนายจำเลยถามค้านดาบตำรวจสมพรไม่มีข้อเท็จจริงในส่วนนี้เพิ่มเติม แต่ถามค้านดาบตำรวจกิติยาในข้อเท็จจริงส่วนนี้ได้ความเพียงว่า เมื่อดาบตำรวจกิติยาพบเมทแอมเฟตามีนที่ปลายเตียงแล้วได้หยิบส่งให้พันตำรวจโทอิสระ ก่อน หลังจากนั้นจึงเข้ามาตรวจค้นในห้องนอนจำเลยอีกครั้งที่ชั้นวางโทรทัศน์ แล้วหยิบตะกร้าซึ่งใส่แผ่นซีดีอยู่มาตรวจค้นโดยไม่ได้เทตะกร้า แล้วจึงพบห่อกระดาษหมากฝรั่งซึ่งบรรจุเมทแอมเฟตามีนไว้ ไม่ได้นับว่ามีแผ่นซีดีกี่แผ่น เมื่อหยิบแผ่นซีดีออกจากตะกร้าดังกล่าวแล้วจึงเห็นห่อกระดาษหมากฝรั่งดับเบิ้ลมิ้นต์ซึ่งบรรจุเมทแอมเฟตามีนไว้ แกะห่อกระดาษหมากฝรั่งออกดูจึงพบเมทแอมเฟตามีน ดังนี้ จึงเห็นได้ว่าทนายจำเลยไม่สามารถถามค้านทำลายน้ำหนักข้อเท็จจริงการค้นพบเมทแอมเฟตามีนจำนวน 44 เม็ด ซึ่งอยู่ในตะกร้าใส่แผ่นซีดีที่ชั้นวางโทรทัศน์และมีแผ่นซีดีทับไว้ได้ ส่วนทางนำสืบของจำเลยไม่มีการนำสืบโต้แย้งข้อเท็จจริงในส่วนนี้ เพียงแต่จำเลยนำสืบต่อสู้เป็นสาระสำคัญว่า เมทแอมเฟตามีนของกลางทั้งหมดเป็นของชายวัยรุ่นที่วิ่งหนีออกทางหน้าต่างห้องนอนของจำเลยขณะที่เจ้าพนักงานตำรวจเข้าตรวจค้นบ้านที่เกิดเหตุเท่านั้น โดยให้รายละเอียดว่าชายวัยรุ่นดังกล่าวชื่อนายปราโมทย์ มาหาจำเลยขณะที่จำเลยกำลังทำกับข้าวในห้องครัว ขอยืมแฟลชไดรว์ ตอนแรกจำเลยไม่ให้เพราะจำเลยยืมมาจากนายวิชัย ลูกพี่ลูกน้องของจำเลย นายปราโมทย์บอกขอยืมเดี๋ยวเดียวเดี๋ยวจะเอามาคืน ขณะนั้นมือจำเลยกำลังเปื้อนเลอะเพราะทำกับข้าวอยู่ และเห็นในบ้านมีหลายคน จึงให้นายปราโมทย์ไปหยิบแฟลชไดรว์เองที่เสียบไว้ที่เครื่องเล่นซีดีในห้องนอนจำเลย มีเจ้าพนักงานตำรวจมาขอตรวจค้นบ้าน นายปราโมทย์จึงหนีออกทางหน้าต่าง จากข้อเท็จจริงดังกล่าวนี้เห็นว่าข้อนำสืบของจำเลยไม่น่าเชื่อ เพราะการขอยืมแฟลชไดรว์ไม่มีเหตุผลใดที่นายปราโมทย์ต้องเปิดกระเป๋าสะพายแล้วทำเมทแอมเฟตามีนจำนวนมากถึง 125 เม็ด ที่บรรจุในถุงพลาสติกตกที่ปลายเตียงในลักษณะเปิดเผยที่หนึ่ง และทำเมทแอมเฟตามีนห่อกระดาษหมากฝรั่งอีก 44 เม็ด ตกในตะกร้าใส่ซีดีที่ชั้นวางโทรทัศน์อีกที่หนึ่งคนละจุดแยกต่างหากจากกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งตะกร้าที่ใส่ซีดีที่ชั้นวางโทรทัศน์ในห้องนอนจำเลยตามภาพถ่าย ภาพล่างนั้น การหยิบแฟลชไดรว์ที่เสียบอยู่ที่เครื่องเล่นซีดีหากเป็นจริงตามที่จำเลยอ้าง ก็ไม่มีทางที่นายปราโมทย์ผู้หยิบจะทำห่อเมทแอมเฟตามีนตกในตะกร้าได้โดยบังเอิญ เพราะตำแหน่งของตะกร้าใส่ซีดีและเครื่องเล่นซีดีตามภาพดังกล่าวไม่อยู่ในวิสัยที่จะเกิดข้อเท็จจริงตามที่จำเลยอ้างได้ ทั้งห่อเมทแอมเฟตามีนในตะกร้าใส่แผ่นซีดีที่มีแผ่นซีดีปิดทับลักษณะเป็นการซุกซ่อน ไม่มีเหตุผลที่นายปราโมทย์จะมาซุกซ่อนเมทแอมเฟตามีนหากจำเลยไม่ได้รู้เห็นเกี่ยวข้องกับนายปราโมทย์ข้ออ้างของจำเลยดูผิดธรรมชาติจนไม่น่าเชื่อ ด้วยเหตุนี้ที่ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยโดยละเอียดและฟังว่าจำเลยมีความผิดฐานมีเมทแอมเฟตามีนเฉพาะส่วนในตะกร้าใส่ซีดีจำนวน 44 เม็ด ในครอบครองเพื่อจำหน่ายนั้น ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วยและเป็นคุณแก่จำเลยมากแล้ว ฎีกาของจำเลยฟังไม่ขึ้น
อนึ่ง เมื่อข้อเท็จจริงฟังได้ว่า จำเลยมีเมทแอมเฟตามีน 44 เม็ด ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย แม้โจทก์ไม่ได้บรรยายว่าเมทแอมเฟตามีน 44 เม็ด มีปริมาณคำนวณเป็นสารบริสุทธิ์เท่าใด แต่โจทก์บรรยายฟ้องมาแล้วว่า เมทแอมเฟตามีนของกลาง 169 เม็ด จำเลยมีไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายมีน้ำหนัก 15.192 กรัม คำนวณเป็นสารบริสุทธิ์ได้ 3.166 กรัม และเมทแอมเฟตามีนที่จำเลยมีไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย 44 เม็ด ดังกล่าวเป็นส่วนหนึ่งของเมทแอมเฟตามีน 169 เม็ด ดังนั้น จึงย่อมสามารถคำนวณหาสารบริสุทธิ์ของเมทแอมเฟตามีน 44 เม็ด โดยคำนวณเทียบกับปริมาณสารบริสุทธิ์ของเมทแอมเฟตามีน 169 เม็ด ซึ่งคำนวณแล้วปรากฏว่ามีสารบริสุทธิ์ 0.824 กรัม ซึ่งเกินกว่าสามร้อยเจ็ดสิบห้ามิลลิกรัมแต่ไม่ถึงยี่สิบกรัม การกระทำของจำเลยจึงเป็นความผิดตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ.2522 มาตรา 66 วรรคสอง ซึ่งตามมาตรา 100/1 บัญญัติว่า ความผิดตามพระราชบัญญัตินี้ที่มีโทษจำคุกและโทษปรับ ให้ศาลลงโทษปรับด้วยเสมอโดยคำนึงถึงการลงโทษในทางทรัพย์สินเพื่อป้องปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติดให้โทษ ที่ศาลอุทธรณ์ลงโทษจำเลยฐานมีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายโดยไม่ปรับด้วยนั้นจึงไม่ถูกต้อง ปัญหานี้เป็นข้อกฎหมายที่เกี่ยวกับความสงบเรียบร้อย ศาลฎีกามีอำนาจยกขึ้นวินิจฉัยเองได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 195 วรรคสอง ประกอบมาตรา 225 แต่โจทก์มิได้ฎีกาในปัญหาดังกล่าว ศาลฎีกาไม่อาจลงโทษปรับได้ เพราะจะเป็นการพิพากษาเพิ่มเติมโทษจำเลยซึ่งต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 212 และ 225 ประกอบพระราชบัญญัติวิธีพิจารณาคดียาเสพติด พ.ศ.2550 มาตรา 3
พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยมีความผิดฐานมีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ.2522 มาตรา 15 วรรคสาม (2), 66 วรรคสอง ส่วนโทษและนอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์