คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 129/2524

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำเลยตามพระราชบัญญัติป่าไม้และริบโค 2 ตัวกับเกวียน 1 เล่มของกลาง ผู้ร้องยื่นคำร้องอ้างว่าของกลางเป็นของตน ตนมิได้รู้เห็นเป็นใจด้วยในการกระทำผิด ขอให้ศาลสั่งคืนของกลางดังกล่าวแก่ผู้ร้อง แต่ปรากฏว่า ผู้ร้องซื้อโคของกลางมาเมื่อโคทั้งสองโตเป็นสัตว์พาหนะแล้ว แต่การซื้อขายมิได้จดทะเบียนตามกฎหมาย การซื้อขายโคของกลางจึงเป็นโมฆะ ผู้ขายยังเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์โคของกลางอยู่ ผู้ร้องจึงมิใช่เจ้าของแท้จริง อันจะมีสิทธิร้องขอคืนโคของกลางได้ตามกฎหมาย

ย่อยาว

คดีนี้ศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำเลยตามพระราชบัญญัติป่าไม้ฐานมีไม้หวงห้ามไม่รับอนุญาตและสั่งริบโค ๒ ตัวและเกวียน ๑ เล่มอันเป็นของกลาง ผู้ร้องยื่นคำร้องขอของกลางคืน โดยอ้างว่าเป็นเจ้าของของกลางดังกล่าวและมิได้รู้เห็นเป็นใจด้วยในการกระทำผิด
ศาลชั้นต้นสั่งคืนของกลาง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ผู้ร้องซื้อโคของกลาง มาแต่มิได้จดทะเบียนการซื้อขายโอนกรรมสิทธิ์พระราชบัญญัติสัตว์พาหนะ พ.ศ.๒๔๘๒ มาตรา ๔ บัญญัติว่า สัตว์พาหนะหมายถึง ช้าง ม้า โค กระบือ พ่อ ลา ซึ่งได้ทำหรือต้องทำตั๋วรูปพรรณตามกฎหมายดังกล่าว และมาตรา ๘ ของกฎหมายดังกล่าวบัญญัติรับอีกว่าเมื่อสัตว์เหล่านั้นใช้ขับขี่ลากเข็นหรือใช้งานได้แล้วจึงให้ถือว่าเป็นสัตว์พาหนะและให้เจ้าของนำสัตว์นั้นไปขอจดทะเบียนทำตั๋วรูปพรรณโค ๒ ตัวของกลางปรากฏว่า ใช้ลากเข็นไม้แปรรูปหรือใช้งานแล้วจึงถือได้ว่าเป็นสัตว์พาหนะตามบทกฎหมายที่อ้างถึงเมื่อทำการซื้อขายก็ต้องจดทะเบียนทำตั๋วรูปพรรณแล้วจดทะเบียนโอนกรรมสิทธิ์ต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ตามพระราชบัญญัติสัตว์พาหนะ พ.ศ.๒๔๘๒ มาตรา ๑๔ เมื่อผู้ร้องและผู้ขายไม่ปฏิบัติดังกล่าว การซื้อขายโคของกลางจึงตกเป็นโมฆะตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๔๕๖ ผู้ขายยังเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์โคของกลางอยู่ ผู้ร้องจึงมิใช่เจ้าของแท้จริงอันจะมีสิทธิร้องขอคืนโคของกลางได้ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๓๖ ทั้งนี้ตามนัยแห่งคำพิพากษาฎีกาที่ ๒๐๒/๒๕๐๓ ระหว่างอัยการจังหวัดนนทบุรี โจทก์นายเฉลิม พีระณรงค์ จำเลย ที่ศาลอุทธรณ์พิพากษาให้คืนโคของกลางแก่ผู้ร้องนั้น ศาลฎีกาไม่เห็นพ้องด้วย ฎีกาของโจทก์ข้อนี้ฟังขึ้น
ส่วนเกวียนของกลางนั้น ตามฎีกาของโจทก์ไม่มีข้อความคัดค้านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ที่สั่งคืนเกวียนของกลางแก่ผู้ร้องแต่อย่างใด คงมีแต่คำขอท้ายฎีกาให้ยกคำร้องขอคืนของกลางของผู้ร้องเท่านั้น จึงเป็นฎีกาที่ขัดต่อประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา ๒๔๙ วรรคแรก ประกอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา ๑๕ จึงไม่รับวินิจฉัยให้
พิพากษาแก้เป็นว่า ให้ยกคำร้องของผู้ร้องที่ขอคืนโค ๒ ตัว ของกลางเสียนอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์

Share