แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ
ย่อสั้น
ศาลชั้นต้นสั่งจำหน่ายคดีเพราะโจทก์ทิ้งฟ้องไปแล้ว เมื่อโจทก์มายื่นคำร้องแสดงเหตุอันสมควร ศาลชั้นต้นมีอำนาจไต่สวนคำร้องของโจทก์เพื่อทราบข้อเท็จจริงและถ้าเห็นว่าโจทก์มีพฤติการณ์พิเศษและเป็นกรณีมีเหตุสุดวิสัย ศาลชั้นต้นก็มีอำนาจสั่งเพิกถอนคำสั่งที่ว่าโจทก์ทิ้งฟ้องและให้จำหน่ายคดีจากสารบบความนั้นเสียได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 27 และขยายเวลาให้แก่โจทก์ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 23.(ที่มา-ส่งเสริม)
ย่อยาว
คดีสืบเนื่องจากโจทก์ทั้งสองฟ้องขอไถ่ที่ดินซึ่งได้ขายฝากไว้แก่จำเลย อ้างว่าจำเลยบิดพลิ้วไม่ยอมให้ไถ่ ขอให้ศาลพิพากษาบังคับให้จำเลยรับไถ่ จำเลยให้การว่าโจทก์ไม่ไถ่คืนภายในกำหนด ที่ดินจึงตกเป็นกรรมสิทธิ์ของจำเลย ขอให้ยกฟ้องระหว่างการพิจารณาของศาลชั้นต้น มีการเลื่อนคดีหลายครั้งครั้งสุดท้ายโจทก์ขอเลื่อนอ้างว่าโจทก์ทั้งสองป่วย ศาลชั้นต้นไม่อนุญาตและมีคำสั่งงดสืบพยานโจทก์แล้วสืบพยานจำเลยในวันเดียวกันนั้นจนหมดพยานจำเลย
ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้องโจทก์
โจทก์ทั้งสองอุทธรณ์คำสั่งศาลชั้นต้นที่ให้งดสืบพยานโจทก์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายกคำพิพากษาของศาลชั้นต้น ให้ศาลชั้นต้นดำเนินการสืบพยานแล้วพิจารณาพิพากษาใหม่ตามรูปคดี
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาพิพากษายืน
ศาลชั้นต้นนัดสืบพยานโจทก์ ก่อนถึงวันนัด จำเลยยื่นคำร้องว่าคดีนี้เป็นคดีมีทุนทรัพย์ โจทก์เสียค่าขึ้นศาลเพียง 200บาท ยังขาดอยู่ ศาลชั้นต้นจึงสั่งให้โจทก์เสียค่าขึ้นศาลเพิ่ม
โจทก์ทั้งสองยื่นคำร้องว่า เป็นคนยากจนไม่มีเงินพอที่จะเสียค่าขึ้นศาลเพิ่มขออนุญาตให้โจทก์ทั้งสองงดเว้นไม่ต้องเสียค่าขึ้นศาลเพิ่ม
จำเลยยื่นคำร้องคัดค้านว่า โจทก์ทั้งสองมิใช่คนยากจนที่จะไม่มีเงินเสียค่าขึ้นศาลเพิ่มได้
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้ว สั่งยกคำร้องของโจทก์ ให้โจทก์ทั้งสองนำค่าขึ้นศาลมาชำระภายใน 7 วัน นับแต่วันทราบคำสั่ง มิฉะนั้นจะถือว่าโจทก์ทิ้งฟ้อง
โจทก์ทั้งสองอุทธรณ์คำสั่ง
ศาลอุทธรณ์สั่งยกคำร้องอุทธรณ์คำสั่งของโจทก์ หากโจทก์ทั้งสองยังติดใจจะดำเนินคดี ให้นำค่าฤชาธรรมเนียมมาชำระต่อศาลชั้นต้นภายในกำหนด 10 วัน นับแต่วันทราบคำสั่ง คืนค่าคำร้อง 40 บาทแก่โจทก์
ครั้นครบกำหนดต้องนำค่าฤชาธรรมเนียมมาชำระตามคำสั่งของศาลอุทธรณ์แล้ว โจทก์ไม่นำมาชำระ ศาลชั้นต้นจึงมีคำสั่งว่าโจทก์ทิ้งฟ้อง ให้จำหน่ายคดีจากสารบบความ
วันรุ่งขึ้นจากวันครบกำหนดนำค่าฤชาธรรมเนียมมาวาง โจทก์ทั้งสองยื่นคำร้องอ้างว่า โจทก์ได้นำค่าฤชาธรรมเนียมเดินทางมาวางศาลตามคำสั่งแล้ว แต่เนื่องจากฝนตกหนัก การจราจรติดขัดมาก ไม่สามารถเดินทางมาถึงก่อนศาลปิดทำการ แต่ได้โทรศัพท์แจ้งเหตุขัดข้องให้พนักงานรับฟ้องทราบไว้ชั้นหนึ่งแล้ว ตั่งแต่เวลา15 นาฬิกา และเดินทางมาถึงศาลเมื่อเวลา 17 นาฬิกา พบพนักงานศาลหลายคนแต่ไม่ยอมรับค่าฤชาธรรมเนียม อ้างว่าศาลปิดทำการแล้ว โจทก์ทั้งสองไม่ได้จงใจทิ้งฟ้องเป็นเหตุสุดวิสัย ขอให้ศาลไต่สวน อนุญาตให้โจทก์วางเงินค่าธรรมเนียมและดำเนินกระบวนพิจารณาต่อไป
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่า ศาลสั่งจำหน่ายคดีเพราะโจทก์ทิ้งฟ้องไม่มีกฎหมายให้อำนาจศาลยกคดีขึ้นพิจารณาใหม่ได้ ให้ยกคำร้องคืนค่าคำร้องแก่โจทก์
โจทก์ทั้งสองอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายกคำสั่งของศาลชั้นต้น ให้ศาลชั้นต้นรับคำร้องของโจทก์ไว้ทำการไต่สวนและมีคำสั่งต่อไปตามรูปคดี ค่าฤชาธรรมเนียมในชั้นนี้ให้เป็นพับ
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ‘……….ขณะที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่าโจทก์ทิ้งฟ้อง ให้จำหน่ายคดีจากสารบบความนั้น ศาลชั้นต้นไม่ได้ทราบถึงเหตุขัดข้องที่โจทก์นำเงินค่าฤชาธรรมเนียมมาชำระไม่ทันตามกำหนด หากศาลชั้นต้นทราบเหตุดังกล่าวและเห็นว่าเป็นกรณีตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 23 ศาลก็อาจจะไม่ถือว่าโจทก์ทิ้งฟ้องและไม่สั่งจำหน่ายคดีเสียก็ได้ศาลฎีกาได้พิจารณาปัญหานี้โดยที่ประชุมใหญ่แล้วเห็นว่าแม้ศาลชั้นต้นจะได้สั่งจำหน่ายคดีโดยเห็นว่าโจทก์ทิ้งฟ้องไปแล้วก็ตามแต่เมื่อโจทก์มายื่นคำร้องแสดงเหตุอันสมควรศาลชั้นต้นก็ชอบที่จะทำการไต่สวนคำร้องของโจทก์เพื่อทราบข้อเท็จจริง และถ้าเห็นว่าโจทก์มีพฤติการณ์พิเศษและเป็นกรณีที่มีเหตุสุดวิสัย ศาลชั้นต้นก็มีอำนาจสั่งเพิกถอนคำสั่งที่สั่งว่าโจทก์ทิ้งฟ้องและให้จำหน่ายคดีจากสารบบความนั้นเสียได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 27 และขยายระยะเวลาให้แก่โจทก์ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา23 คำพิพากษาศาลอุทธรณ์ชอบแล้ว ฎีกาจำเลยฟังไม่ขึ้น’
พิพากษายืน.