แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ
ย่อสั้น
โจทก์จำเลยท้ากันขอให้ศาลออกไปเผชิญสืบทรัพย์อันดับที่ 5ว่าอยู่ในสภาพที่โจทก์จะรับคืนไปได้หรือไม่ ได้ผลประการใดให้ศาลชี้ขาดไปได้เลย เมื่อศาลเผชิญสืบแล้วมีคำสั่งว่าทรัพย์อันดับที่ 5 อยู่ในสภาพรับคืนไปได้ คำชี้ขาดของศาลดังกล่าวตรงกับที่คู่ความท้ากันแล้ว.(ที่มา-ส่งเสริม)
ย่อยาว
คดีนี้สืบเนื่องมาจากศาลฎีกาพิพากษาให้จำเลยที่ 2 และที่ 5ร่วมกันคืนทรัพย์สินตามบัญชีรายการทรัพย์สินแก่โจทก์ทั้งสอง หากไม่สามารถคืนได้ให้ร่วมกันใช้ราคาเป็นเงิน 613,450 บาท
โจทก์ที่ 1 ที่ 2 ยื่นคำขอว่าทรัพย์สินที่ศาลสั่งให้จำเลยที่ 2และที่ 5 คืนให้แก่โจทก์นั้น โจทก์ได้ตรวจสอบแล้วปรากฏว่าไม่อยู่ในสภาพทรัพย์สินชนิดปานกลางจึงไม่ขอรับคืน แต่ขอให้ใช้ราคาเป็นเงิน89,195.50 บาทแทน
ในวันนัดพร้อม โจทก์แถลงยืนยันว่าทรัพย์ตามรายการที่จำเลยแจ้งให้โจทก์ไปรับไม่อยู่ในสภาพที่รับคืนไปได้ จำเลยที่ 2 และที่ 5ก็แถลงยืนยันว่าทรัพย์ตามที่โจทก์แถลงอยู่ในสภาพที่รับคืนไปได้
โจทก์จำเลยตกลงท้ากันว่าขอให้ศาลไปเผชิญสืบผลเป็นประการใดขอให้ศาลชี้ขาดไปได้เลย
ศาลชั้นต้นเผชิญสืบแล้วมีคำสั่งว่าทรัพย์อันดับ 5 ที่พิพาทกันในชั้นนี้ อยู่ในสภาพรับคืนไปได้ ให้โจทก์รับจากจำเลย
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายกคำสั่งศาลชั้นต้นเฉพาะที่เกี่ยวกับทรัพย์อันดับที่ 5 ให้ศาลชั้นต้นดำเนินการพิจารณาและมีคำสั่งเกี่ยวกับทรัพย์ดังกล่าวใหม่ตามรูปคดี ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นอุทธรณ์ให้ศาลชั้นต้นรวมสั่งเมื่อมีคำสั่งใหม่
จำเลยที่ 2 และที่ 5 ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “ในวันนัดพร้อมคู่ความต่างไม่ติดใจให้ศาลไต่สวน แต่ท้ากันให้ศาลออกไปเผชิญสืบทรัพย์ดังกล่าว ผลเป็นประการใดให้ชี้ขาดไปเลย โดยคู่ความยอมรับตามคำชี้ขาดของศาลนั้น ศาลชั้นต้นไปเผชิญสืบทรัพย์อันดับที่ 5 ในวันเดียวกันและบันทึกสภาพของทรัพย์สินไว้ ซึ่งตามบันทึกข้อเท็จจริงไม่ปรากฏว่า มีคู่ความฝ่ายใดคัดค้านสภาพของทรัพย์สินอันดับ 5 ศาลชั้นต้นจึงมีคำสั่งว่าทรัพย์อันดับ 5อยู่ในสภาพรับคืนไปได้ เป็นการชี้ขาดตรงกับที่คู่ความท้ากันแล้วส่วนที่ศาลชั้นต้นกล่าวว่าแม้โจทก์จะอ้างว่าทรัพย์อันดับ 5 มีตำหนิโจทก์ได้ตรวจสอบมาแล้วแต่ไม่ทักท้วยไว้ตั้งแต่ขณะนั้น เพิ่งมากล่าวอ้างในวันที่ศาลไปเผชิญสืบจึงไม่มีน้ำหนักนั้นเป็นการกล่าวที่เกินเลยไปมิใช่เป็นการวินิจฉัยนอกเหนือคำท้า เพราะตามเนื้อหาสาระของคำสั่งศาลชั้นต้นก็ตรงกับที่คู่ความท้ากันอยู่แล้ว คำกล่าวของศาลชั้นต้นดังกล่าวหาทำให้คำวินิจฉัยซึ่งตรงกับคำท้านั้นเสียไปไม่ที่ศาลอุทธรณ์พิพากษาให้ยกคำสั่งศาลชั้นต้น ให้ศาลชั้นต้นดำเนินการพิจารณาและมีคำสั่งเกี่ยวกับทรัพย์ดังกล่าวใหม่จึงไม่ต้องด้วยความเห็นของศาลฎีกา ฎีกาของจำเลยที่ 2 และที่ 5 ฟังขึ้น
พิพากษากลับ ให้บังคับคดีไปตามคำสั่งของศาลชั้นต้นค่าฤชาธรรมเนียมชั้นอุทธรณ์และชั้นฎีกาให้เป็นพับไปทั้งสองฝ่าย”.