คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1286/2513

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

คำร้องของผู้ร้องที่ขอให้ศาลชั้นต้นไต่สวนว่า ผู้คัดค้านไม่ได้เป็นสามีโดยชอบด้วยกฎหมายของเจ้ามรดก และเมื่อไต่สวนได้ความดังกล่าวแล้ว ขอให้ศาลชั้นต้นมีคำสั่งยกคำร้องคัดค้านของผู้คัดค้านนั้นเป็นคำร้องที่เกี่ยวกับปัญหาข้อเท็จจริง มิใช่คำร้องที่ยกปัญหาข้อกฎหมายขึ้นอ้าง ขอให้ศาลวินิจฉัยชี้ขาดเบื้องต้นในปัญหานั้นก่อนดำเนินการพิจารณาต่อไปตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 24 วรรคแรก
ส่วนคำสั่งของศาลชั้นต้นที่สั่งคำร้องของผู้ร้องว่าต้องฟังพยานหลักฐานก่อน ให้ยกคำร้องก็หาใช่คำวินิจฉัยชี้ขาดเบื้องต้นในปัญหาข้อกฎหมายอันจะทำให้คดีเสร็จไปได้ทั้งเรื่องหรือเฉพาะแต่ประเด็นแห่งคดีบางข้อตามมาตรา 24 วรรคสอง ไม่ หาเป็นคำสั่งระหว่างพิจารณาซึ่งผู้ร้องจะอุทธรณ์ฎีกาคำสั่งนั้นในระหว่างพิจารณาหาได้ไม่

ย่อยาว

ผู้ร้องยื่นคำร้องว่า นางบุญช่วย กิ่งวาที เป็นพี่ร่วมบิดามารดากับผู้ร้อง ก่อนตายนางบุญช่วยได้ทำพินัยกรรมตั้งให้ผู้ร้องและนายนรินทร์ อัมพุช เป็นผู้จัดการมรดก จึงขอให้ศาลมีคำสั่งตั้งผู้ร้องเป็นผู้จัดการมรดกของนางบุญช่วยผู้ตาย

ผู้คัดค้านที่ 1 ซึ่งเป็นพี่ร่วมบิดามารดากับผู้ร้องและนางบุญช่วย ยื่นคำร้องคัดค้านว่าผู้ร้องไม่สมควรเป็นผู้จัดการมรดกแต่ผู้เดียว ขอให้มีคำสั่งยกคำร้องของผู้ร้อง และตั้งผู้คัดค้านที่ 1 เป็นผู้จัดการมรดก หรือตั้งเป็นผู้จัดการมรดกร่วมกับผู้ร้อง

ผู้คัดค้านที่ 2 ยื่นคำร้องคัดค้านว่า ผู้คัดค้านที่ 2 เป็นสามีโดยชอบด้วยกฎหมายของเจ้ามรดก พินัยกรรมที่ผู้ร้องอ้างเป็นพินัยกรรมปลอม ผู้ร้องกับผู้คัดค้านที่ 1 ไม่สมควรเป็นผู้จัดการมรดก ขอให้มีคำสั่งยกคำร้องของผู้ร้องกับผู้คัดค้านที่ 1 และตั้งผู้คัดค้านที่ 2 เป็นผู้จัดการมรดก

ก่อนไต่สวนคำร้อง ผู้คัดค้านที่ 1 ขอถอนคำร้องคัดค้านศาลชั้นต้นอนุญาต

ในระหว่างไต่สวนพยานผู้ร้อง ผู้ร้องยื่นคำร้องว่า ผู้คัดค้านที่ 2 แต่งงานกับนางบุญช่วยหลังวันที่ 1 ตุลาคม 2478 โดยไม่ได้จดทะเบียนสมรสให้ถูกต้องตามกฎหมาย ผู้คัดค้านที่ 2 จึงไม่ใช่สามีโดยชอบด้วยกฎหมายของเจ้ามรดก ไม่ได้เป็นทายาทโดยธรรมและไม่มีส่วนได้เสียในทรัพย์มรดกของผู้ตาย ไม่มีสิทธิคัดค้านและไม่มีสิทธิขอเป็นผู้จัดการมรดก ขอให้ศาลไต่สวนและวินิจฉัยชี้ขาดเบื้องต้นว่าผู้คัดค้านที่ 2 ไม่ใช่สามีโดยชอบด้วยกฎหมายของเจ้ามรดก แล้วมีคำสั่งยกคำร้องของผู้คัดค้าน ที่ 2 เสีย

ศาลชั้นต้นทำคำสั่งในคำร้องฉบับนี้ว่า “สำเนาให้ผู้ร้อง (ที่ถูกต้องเป็นผู้คัดค้านที่ 2) ต้องฟังพยานหลักฐานก่อน ให้ยกคำร้อง”

ผู้ร้องอุทธรณ์คำสั่งว่า ศาลชั้นต้นสั่งยกคำร้องของผู้ร้องโดยมิได้ทำการไต่สวนก่อนนั้น เป็นการไม่ชอบ ขอให้ศาลอุทธรณ์มีคำสั่งยกคำสั่งของศาลชั้นต้นแล้วส่งสำนวนคืนไปยังศาลชั้นต้นเพื่อมีคำสั่งใหม่ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 243(1) และให้ศาลชั้นต้นงดการพิจารณาไว้ในระหว่างอุทธรณ์ตามมาตรา 228

ศาลอุทธรณ์พิพากษาให้ยกอุทธรณ์ของผู้ร้อง

ผู้ร้องฎีกาขอให้กลับคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ โดยส่งสำนวนคืนไปยังศาลชั้นต้นเพื่อมีคำสั่งรับคำร้องของผู้ร้อง เรื่องขอให้ศาลไต่สวนวินิจฉัยชี้ขาดเบื้องต้นในปัญหาข้อกฎหมายว่าผู้คัดค้านที่ 2 ไม่ได้เป็นสามีโดยชอบด้วยกฎหมายของเจ้ามรดก

ศาลฎีกาเห็นว่า คำร้องของผู้ร้องขอให้ศาลชั้นต้นไต่สวนว่าผู้คัดค้านที่ 2 แต่งงานกับเจ้ามรดกหลังวันที่ 1 ตุลาคม 2478 โดยไม่ได้จดทะเบียนสมรสให้ถูกต้องตามกฎหมาย แล้ววินิจฉัยชี้ขาดเบื้องต้นว่าผู้คัดค้านที่ 2 ไม่ใช่สามีโดยชอบของเจ้ามรดกนั้น เป็นคำร้องธรรมดาที่ยกปัญหาข้อเท็จจริงขึ้นอ้างขอให้ศาลชั้นต้นทำการไต่สวนเสียก่อน เมื่อไต่สวนได้ความจริงตามคำร้อง จึงนำข้อเท็จจริงตามที่ได้ความปรับกับข้อกฎหมายแล้ววินิจฉัยชี้ขาดว่า ผู้คัดค้านที่ 2 ไม่ใช่สามีโดยชอบด้วยกฎหมายของนางบุญช่วยมิใช่คำร้องที่ยกปัญหาข้อกฎหมายขึ้นอ้างขอให้ศาลวินิจฉัยชี้ขาดเบื้องต้นในปัญหานั้นก่อนดำเนินการพิจารณาต่อไปตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 24 วรรคแรก ส่วนคำสั่งของศาลชั้นต้นที่สั่งคำร้องของผู้ร้องว่า ต้องฟังพยานหลักฐานก่อนให้ยกคำร้อง ก็หาใช่คำวินิจฉัยชี้ขาดเบื้องต้นในปัญหาข้อกฎหมายอันจะทำให้คดีเสร็จไปได้ทั้งเรื่องหรือเฉพาะแต่ประเด็นแห่งคดีบางข้อตามมาตรา 24 วรรค 2 ไม่ หากเป็นคำสั่งธรรมดาระหว่างพิจารณาเท่านั้นผู้ร้องจะอุทธรณ์ฎีกาคำสั่งนั้นในระหว่างพิจารณาไม่ได้

พิพากษายืน

Share