คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1283/2526

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

มาตรา 77 แห่งประมวลรัษฎากรบัญญัติว่า สถานการค้าหมายความว่าสถานที่ซึ่งผู้ประกอบการค้าใช้ประกอบการค้าเป็นประจำ และให้หมายความรวมถึงสถานที่ซึ่งใช้เป็นที่ทำการผลิตหรือเก็บสินค้าเป็นประจำด้วย โจทก์ประกอบการค้าและเก็บสินค้าไว้ที่สำนักงานห้างโจทก์ เพียงแต่เก็บบัญชีและเอกสารประกอบการลงบัญชีไว้ที่บ้านเลขที่ 137 เท่านั้น จึงถือไม่ได้ว่าบ้านเลขที่ 137 เป็นสถานการค้าหรือส่วนหนึ่งของสถานการค้าของโจทก์ โจทก์มีหน้าที่ตามกฎหมายต้องเก็บรักษาบัญชีและเอกสารประกอบการลงบัญชีไว้ณสถานการค้าของตน แต่กลับกระทำการฝ่าฝืนกฎหมายโดยนำสมุดบัญชีและเอกสารประกอบการลงบัญชีไปเก็บไว้ที่อื่นอันมิใช่สถานการค้าของโจทก์ ต่อมาเกิดเพลิงไหม้สมุดบัญชีและเอกสารประกอบการลงบัญชี แม้โจทก์มิได้เป็นผู้กระทำก็ตาม โจทก์ย่อมอ้างเอาเหตุที่บัญชีและเอกสารประกอบการลงบัญชีของโจทก์ถูกเพลิงไหม้อันสืบเนื่องมาจากที่โจทก์กระทำการฝ่าฝืนกฎหมายมาเป็นเหตุสุดวิสัยที่ไม่อาจส่งบัญชีและเอกสารให้เจ้าพนักงานประเมินตรวจสอบตามหมายเรียกหาได้ไม่ (วรรคนี้วินิจฉัยโดยมติที่ประชุมใหญ่ครั้งที่2/2526)

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยที่ 1 ได้หมายเรียกให้โจทก์นำบัญชีและเอกสารประกอบการลงบัญชีสำหรับรอบระยะเวลาบัญชีปี พ.ศ. 2516 ถึง พ.ศ. 2519ไปให้ตรวจสอบทั้ง ๆ ที่โจทก์แจ้งให้ทราบแล้วว่าบัญชีและเอกสารประกอบการลงบัญชีดังกล่าวถูกเพลิงไหม้ อันเป็นเหตุสุดวิสัยที่จะนำไปแสดง และต่อมาได้แจ้งว่าโจทก์มิได้นำบัญชีมาให้จำเลยที่ 1 ตรวจสอบ จึงต้องเสียภาษีอัตราร้อยละ 2 ของยอดรายรับก่อนหักรายจ่ายใด ๆ โดยให้โจทก์นำเงินภาษีไปชำระและได้เปรียบเทียบปรับที่โจทก์มิได้เก็บบัญชีและเอกสารประกอบการลงบัญชีไว้ ณ ที่ทำการของโจทก์ โจทก์อุทธรณ์การประเมินต่อจำเลยที่ 2 ถึงที่ 4 ซึ่งเป็นคณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์แต่คณะกรรมการให้ยกอุทธรณ์ จึงขอให้ศาลเพิกถอนคำสั่งประเมินภาษีของจำเลยที่ 1 ดังกล่าวและคำวินิจฉัยอุทธรณ์ของคณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์เสียทั้งสิ้น

จำเลยทั้งสี่ให้การว่า โจทก์นำสมุดบัญชีและเอกสารประกอบการลงบัญชีไปไว้ที่อื่นอันมิใช่สถานประกอบการค้า ฝ่าฝืนมาตรา 83 ตรี แห่งประมวลรัษฎากรเป็นความผิดตามมาตรา 92 จึงได้ถูกปรับ เจ้าพนักงานประเมินของจำเลยที่ 1มีเหตุอันควรเชื่อว่าโจทก์แสดงรายการภาษีเงินได้ไม่ถูกต้อง จึงออกหมายเรียกสมุดบัญชีและเอกสารประกอบการลงบัญชีของโจทก์มาตรวจสอบ แต่โจทก์ไม่มีมาแสดง เจ้าพนักงานจึงประเมินภาษีเงินได้ในอัตราร้อยละ 2 ของยอดรายรับก่อนหักรายจ่ายไปยังโจทก์ตามมาตรา 71(1) โจทก์จะยกเหตุสมุดบัญชีและเอกสารประกอบการลงบัญชีถูกเพลิงไหม้มาเป็นข้ออ้างให้พ้นความรับผิดไม่ได้ ขอให้ยกฟ้อง

ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้องโจทก์

โจทก์อุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่า โจทก์ไม่สามารถส่งมอบบัญชีและเอกสารต่อเจ้าพนักงานประเมิน มิใช่เพราะจงใจหรือละเลยไม่นำส่ง เจ้าพนักงานประเมินจึงไม่มีอำนาจประเมินเงินได้ของโจทก์ตามมาตรา 71(1) พิพากษากลับ ให้เพิกถอนคำสั่งของเจ้าพนักงานประเมินและคำวินิจฉัยอุทธรณ์ของคณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์ตามฟ้อง

จำเลยทั้งสี่ฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า มาตรา 77 แห่งประมวลรัษฎากรบัญญัติว่า สถานการค้าหมายความว่าสถานที่ซึ่งผู้ประกอบการค้าใช้ประกอบการค้าเป็นประจำและให้หมายความรวมถึงสถานที่ซึ่งใช้เป็นที่ทำการผลิตหรือเก็บสินค้าเป็นประจำด้วย คดีนี้โจทก์ประกอบการค้าและเก็บสินค้าไว้ที่สำนักงานห้างโจทก์เลขที่ 133 – 135 โจทก์เพียงแต่เก็บบัญชีและเอกสารประกอบการลงบัญชีไว้ที่บ้านเลขที่ 137 จึงถือไม่ได้ว่าบ้านเลขที่ 137 ซึ่งเป็นสำนักงานห้างหุ้นส่วนจำกัดสหไทยการยนต์สามยอดเป็นสถานการค้าหรือส่วนหนึ่งของสถานการค้าของโจทก์ อีกประการหนึ่งหากจะแปลความว่าเก็บบัญชีและเอกสารประกอบการลงบัญชีไว้สถานที่ใดก็ให้ถือว่าสถานที่นั้นเป็นสถานการค้าหรือส่วนหนึ่งของสถานการค้าดังโจทก์อ้างแล้ว บทบัญญัติมาตรา 83 ตรี แห่งประมวลรัษฎากรก็ไร้ผลและไม่มีทางบังคับแต่อย่างใด ดังนั้นการที่โจทก์เก็บบัญชีและเอกสารประกอบการลงบัญชีของโจทก์ไว้ที่อื่นซึ่งมิใช่สถานการค้าของโจทก์ และมิได้แจ้งให้เจ้าพนักงานประเมินทราบล่วงหน้าเป็นหนังสือ จึงเป็นการจงใจฝ่าฝืนบทบัญญัติของมาตรา 83 ตรี แห่งประมวลรัษฎากรและเป็นความผิดตามมาตรา 92 ส่วนที่โจทก์อ้างว่าบัญชีและเอกสารประกอบการลงบัญชีของโจทก์ถูกเพลิงไหม้จึงเป็นเหตุสุดวิสัยที่ทำให้โจทก์ไม่อาจส่งบัญชีและเอกสารประกอบการลงบัญชีให้เจ้าพนักงานประเมินตรวจสอบตามหมายเรียกได้นั้น ศาลฎีกาโดยมติที่ประชุมใหญ่พิจารณาแล้วเห็นว่า เมื่อโจทก์ซึ่งมีหน้าที่ตามกฎหมายต้องเก็บรักษาบัญชีและเอกสารประกอบการลงบัญชีไว้ ณ สถานการค้าของตน แต่กลับกระทำการฝ่าฝืนกฎหมายโดยการนำสมุดบัญชีและเอกสารประกอบการลงบัญชีไปเก็บที่บ้านเลขที่ 137 อันเป็นสำนักงานของห้างหุ้นส่วนจำกัดสหไทยการยนต์สามยอดซึ่งมิใช่สถานการค้าของโจทก์ แล้วต่อมาเกิดเพลิงไหม้สมุดบัญชีและเอกสารประกอบการลงบัญชี โดยโจทก์มิได้เป็นผู้กระทำก็ตามโจทก์ย่อมอ้างเอาเหตุที่บัญชีและเอกสารประกอบการลงบัญชีของโจทก์ถูกเพลิงไหม้อันสืบเนื่องมาจากการที่โจทก์กระทำการฝ่าฝืนกฎหมายมาเป็นเหตุสุดวิสัยที่ไม่อาจส่งบัญชีและเอกสารให้เจ้าพนักงานประเมินตรวจสอบตามหมายเรียกหาได้ไม่ ฎีกาของจำเลยข้อนี้ฟังขึ้น เมื่อคดีฟังได้ว่าโจทก์ไม่มีบัญชีและเอกสารประกอบการลงบัญชีไปส่งมอบต่อเจ้าพนักงานประเมินเพื่อตรวจสอบตามหมายเรียกมาตรา 19 แห่งประมวลรัษฎากร เจ้าพนักงานประเมินย่อมมีอำนาจประเมินภาษีเงินได้ของโจทก์ในอัตราร้อยละ 2 ของยอดรายรับก่อนหักรายจ่ายใด ๆ ตามมาตรา 71(1) ได้

พิพากษากลับเป็นว่าให้ยกฟ้องโจทก์

Share