แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
โจทก์ซื้อที่ดินและตึกแถวจากการขายทอดตลาดของเจ้าพนักงานบังคับคดีทั้งได้จดทะเบียนการได้มาต่อพนักงานเจ้าหน้าที่แล้ว โจทก์จึงเป็นผู้ได้กรรมสิทธิ์ในที่ดินและตึกแถวพิพาทโดยสมบูรณ์ ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 456 และมาตรา 1330 แม้ต่อมา ก.ได้ยื่นคำร้องขอให้เพิกถอนการขายทอดตลาดและคดียังอยู่ในระหว่างการพิจารณาของศาลฎีกา ก็เป็นเรื่องการเพิกถอนการขายทอดตลาด ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 296 อีกส่วนหนึ่ง หาใช่เรื่องการขายทอดตลาดตกเป็นโมฆะไม่ เมื่อศาลยังมิได้มีคำพิพากษาหรือคำสั่งให้เพิกถอนการขายทอดตลาด โจทก์ย่อมเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ในที่ดินและตึกแถวพิพาทโดยสมบูรณ์ จึงมีอำนาจฟ้องขับไล่จำเลยผู้อยู่อาศัยในที่ดินและตึกแถวพิพาทโดยไม่มีสิทธิให้ออกไปได้
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า โจทก์เป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ที่ดินและตึกแถวพิพาทโดยซื้อมาจากการขายทอดตลาดของศาล โจทก์ไม่ประสงค์จะให้จำเลยอยู่ในที่ดินและตึกแถวพิพาทอีกต่อไป จึงได้บอกกล่าวให้จำเลยออกไปจำเลยเพิกเฉยจึงขอให้บังคับจำเลยออกไปจากที่ดินและตึกแถวพิพาทกับให้ใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์
จำเลยทั้งเจ็ดให้การว่า โจทก์เป็นผู้ประมูลซื้อได้ที่ดินและตึกแถวพิพาทจริงแต่การขายทอดตลาดดังกล่าวไม่ชอบ เพราะเจ้าพนักงานบังคับคดีได้ทำการขายทอดตลาดไปทั้ง ๆ ที่นายเกษม ผกายมาศ ได้ร้องขัดทรัพย์ไว้ และต่อมานายเกษมได้ร้องขอให้ศาลเพิกถอนการขายทอดตลาดรายนี้ คดียังอยู่ระหว่างการพิจารณาของศาลฎีกา โจทก์จึงยังไม่ใช่เจ้าของกรรมสิทธิ์ในที่ดินและตึกแถวพิพาทโดยสมบูรณ์ โจทก์จึงไม่มีอำนาจฟ้อง ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยทั้งเจ็ดออกไปจากที่ดินและตึกแถวพิพาทกับให้ใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์
จำเลยทั้งเจ็ดอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เฉพาะเรื่องจำนวนเงินค่าเสียหาย
จำเลยทั้งเจ็ดฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า จำเลยฎีกาว่านายเกษม ผกายมาศ ยื่นคำร้องขัดทรัพย์ไว้ก่อนวันขายทอดตลาด อันเจ้าพนักงานบังคับคดีจะต้องงดการขายทอดตลาดไว้รอคำวินิจฉัยชี้ขาดของศาล แต่เจ้าพนักงานบังคับคดีฝืนทำการขายทอดตลาดไปนายเกษมจึงได้ยื่นคำร้องขอให้เพิกถอนการขายทอดตลาด คดียังอยู่ในระหว่างพิจารณาของศาลฎีกาหากศาลฎีกาพิพากษาให้เพิกถอนการขายทอดตลาด การซื้อที่ดินและตึงแถวพิพาทของโจทก์จากการขายทอดตลาดจนการจดทะเบียนเป็นผู้ถือกรรมสิทธิ์ย่อมตกเป็นโมฆะ ฉะนั้นโจทก์ไม่ใช่เจ้าของกรรมสิทธิ์ในที่ดินและตึกแถวพิพาทโดยสมบูรณ์ ย่อมไม่มีอำนาจฟ้องขับไล่จำเลย พิเคราะห์แล้วเห็นว่า เมื่อเจ้าพนักงานบังคับคดีผู้ขายทอดตลาดได้แสดงความตกลงด้วยการเคาะไม้หรือด้วยกิริยาอื่นใด การขายทอดตลาดย่อมบริบูรณ์ ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 509 โจทก์ซื้อที่ดินและตึกแถวพิพาทได้ ทั้งปรากฏว่าได้จดทะเบียนการได้มาต่อพนักงานเจ้าหน้าที่แล้วจึงเป็นผู้ได้ไปซึ่งกรรมสิทธิ์ในที่ดินและตึกแถวพิพาทจากการขายทอดตลาดตามคำสั่งของศาลโดยสมบูรณ์ ตามมาตรา 456 และมาตรา 1330 แม้หลังจากทำการขายทอดตลาดไปแล้วนายเกษมได้ยื่นคำร้องขอให้เพิกถอนการขายทอดตลาดและคดียังอยู่ในระหว่างพิจารณาของศาลฎีกา ก็เป็นเรื่องการเพิกถอนการขายทอดตลาดตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 296อีกส่วนหนึ่ง หาใช่เรื่องการขายทอดตลาดตกเป็นโมฆะไม่ เมื่อศาลยังมิได้มีคำพิพากษาหรือคำสั่งให้เพิกถอนการขายทอดตลาด โจทก์ย่อมเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ในที่ดินและตึกแถวพิพาทโดยสมบูรณ์ จึงมีอำนาจฟ้องขับไล่จำเลยผู้อยู่อาศัยในที่ดินและตึกแถวพิพาทโดยไม่มีสิทธิให้ออกไปได้
พิพากษายืน