แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ได้ความว่าผู้ตายเป็นผู้ก่อเหตุทำร้ายร่างกายบิดาจำเลย จำเลยเข้าห้ามโดยไม่มีอาวุธติดตัว ผู้ตายตามไปจะทำร้ายจำเลย จนจำเลยถอยหนีไปจนมุมไม่มีทางหนีไปอีกแล้วพอดีจำเลยพบมีดวางอยู่ จึงเอามีดกวัดแกว่งและร้องห้ามผู้ตายไม่ให้เข้ามา ผู้ตายยังขืนเข้าไปจึงถูกมีดที่หน้าผากผู้ตายไม่ล้มเอามือซ้ายปิดท้ายทอยส่วนมือขวายังถือมีดเงื้อง่าอยู่ จำเลยเอามีดเหวี่ยงไปอีกที่หนึ่งถูกท้ายทอยแล้วโดดหนี ผู้ตายอยู่ต่อมา 5-6 วันก็ตายเพราะบาดแผลนั้น ข้อเท็จจริงดังกล่าวนี้วินิจฉัยเป็นการป้องกันชีวิตพอสมควรแก่เหตุ เพราะการกระทำของจำเลยทั้ง 2 ครั้งเป็นการกระทำต่อเนื่องในขณะเดียวกัน การที่ผู้ตายถูกฟันครั้งแรก จะให้จำเลยซึ่งอยู่ในฐานะเช่นนั้นคาดหมายว่าผู้ตายได้รับบาดเจ็บเพียงไรและจะหวนกลับมาทำร้ายอีกหรือไม่ย่อมไม่ได้ และที่จำเลยเหวี่ยงมีดไปยังท้ายทอยอีก 1 ทีเป็นการกระทำเพื่อให้โอกาสจำเลยหลีกพ้นจากภัยอันผู้ตายเป็นผู้ก่อแล้ว
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องกล่าวหาว่าจำเลยฆ่านายต่วน ผาเพชถึงแก่ความตายโดยเจตนาขอให้ลงโทษ
จำเลยให้การต่อสู้ว่าได้กระทำไปโดยการป้องกันตัวไม่เกินกว่าเหตุไม่เป็นผิดดังโจทก์ฟ้อง ขอให้ยกฟ้อง
ศาลจังหวัดภูเขียวฟังว่าการที่จำเลยเอามีดฟันผู้ตายครั้งที่ 2 ที่ท้ายทอยไม่เรียกว่าป้องกันตัว พิพากษาว่า จำเลยผิดตามกฎหมายอาญา มาตรา 249 จำคุกไว้ 15 ปี ลดตามมาตรา 59 1 ใน 3 เหลือ 10 ปี
จำเลยอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์ว่าการกระทำของจำเลยเป็นการป้องกันชีวิตสมควรแก่เหตุตามกฎหมายอาญา มาตรา 50 พิพากษากลับให้ยกฟ้อง
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาได้ตรวจสำนวนประชุมปรึกษาคดีนี้แล้วเห็นว่านายต่วนผู้ตายเป็นผู้ก่อเหตุขึ้นก่อน นายต่วนเตะต่อยนายแหล่บิดาจำเลยจนล้มลงไปแล้วยังไม่พอจะเอามีดแทงอีก พอจำเลยซึ่งไม่มีอาวุธเลยวิ่งมาห้าม นายต่วนก็ตามไปจะทำร้ายจำเลยซึ่งจำเลยได้พยายามถอยหนี ไปจนติดกอไผ่ไม่มีทางจะไปอีกแล้ว พอดีที่กอไผ่มีมีดวางอยู่เล่มหนึ่ง จำเลยจึงเอามีดนั้นกวัดแกว่งเพื่อป้องกันและร้องห้ามนายต่วน ๆ ก็ยังขืนเข้าไปจะแทงจำเลย นายต่วนจึงถูกมีดจำเลยแกว่งป้องกันตัว 1 ที เมื่อถูกมีดครั้งแรกแล้ว นายต่วนไม่ได้ล้มเป็นแต่หันหลังเอามือซ้ายปิดท้ายทอย ส่วนมือขวายังถือมีดเงื้อง่าอยู่ จำเลยจึงเอามีดเหวี่ยงไปอีก 1 ทีแล้วโดดหนี การกระทำของจำเลยเป็นการกระทำต่อเนื่องในขณะเดียวกัน แม้เมื่อถูกฟันครั้งแรกแล้วนายต่วนจะหันหลังกลับ นายต่วนก็ยังถือมีดกุมหน้าผากอยู่บุคคลที่อยู่ในฐานะอย่างจำเลยย่อมไม่อาจรู้ได้ว่านายต่วนได้รับบาดเจ็บเพียงไร และจะหวนกลับมาทำร้ายจำเลยอีกได้หรือไม่ การที่จำเลยเหวี่ยงมีดไปยังท้ายทอยนายต่วนอีก 1 ทีจึงเป็นการทำเพื่อให้โอกาสจำเลย หลีกพ้นไปจากภัยอันตรายอันนายต่วนเป็นผู้ก่อขึ้นเห็นได้อย่างชัดเจนว่าเป็นการกระทำเพื่อป้องกันตัวพอสมควรแก่เหตุทั้งได้ความตามคำเบิกความของนายนุยแพทย์ผู้ชันสูตรพลิกศพนายต่วนว่าแผลที่ท้ายทอยนั้นเป็นแผลตื้น ๆ ไม่อาจทำให้นายต่วนตายได้ศาลฎีกาจึงเห็นพ้องกับศาลอุทธรณ์ว่าจำเลยไม่ควรมีผิดดังโจทก์ฟ้องและด้วยเหตุนี้จึงพิพากษายืน ให้ยกฎีกาของโจทก์เสีย