แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
จำเลยให้การรับสารภาพตามฟ้องว่าแปรรูปไม้และมีไม้แปรรูปภายในเขตควบคุมการแปรรูปไม้จริง แต่ช้างของกลางซึ่งใช้ชักลากไม้มาในความครอบครองของจำเลย ๆ ยืมมาจากผู้อื่น เจ้าของไม่รู้เห็นด้วย ผู้ร้องยื่นคำร้องว่าช้างเป็นของผู้ร้อง ขอให้คืนแก่ผู้ร้อง ศาลชั้นต้นงดสืบพยานแล้วพิพากษาลงโทษจำเลย คืนช้างของกลางแก่เจ้าของ โจทก์อุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษายกคำพิพากษาศาลชั้นต้นในส่วนที่ไม่ริบของกลาง และให้พิจารณาพิพากษาใหม่เฉพาะประเด็นว่าช้างเป็นของใคร เจ้าของรู้เห็นเป็นใจหรือไม่ ดังนี้ จำเลยฎีกาขอให้คืนช้างของกลางแก่เจ้าของได้
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยแปรรูปไม้และมีไม้แปรรูป เป็นไม้หวงห้ามประเภท ก. ปริมาตรา ๐.๙๕ เมตรลูกบาศก์ ภายในเขตควบคุมการแปรรูปไม้ โดยไม่รับอนุญาต โดยใช้ช้างชื่อพังเลิศชักลากมาในความครอบครอง ขอให้ลงโทษตามพระราชบัญญัติป่าไม้ ฯ มาตรา ๔๘,๗๓,๗๔,๗๔ ทวิ และริบของกลาง
จำเลยให้การรับว่า ทำผิดจริงเว้นแต่เรื่องช้าง จำเลยยืมช้างนี้มาจากควานชื่อนายวิโรจน์หรือขลุดเจ้าของช้างไม่รู้เห็นเกี่ยวกับการกระทำของจำเลย
นายพงษ์ ไชยพัฒน์ ยื่นคำร้องว่าช้างของกลางเป็นของผู้ร้อง ๆ มิได้รู้เห็นในการกระทำผิด ขอให้สั่งคืนแก่ผู้ร้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าจำเลยผิดตามฟ้อง ลดรับสารภาพ ปรับกระทงละ ๒๕๐ บาท ริบไม้ของกลาง แต่ช้างมิได้ใช้ในการกระทำผิด และมิใช่อุปกรณ์ ให้ได้รับผลจากการกระทำผิด จึงไม่ริบ คืนเจ้าของ
โจทก์อุทธรณ์ขอให้ริบช้างของกลาง
ศาลอุทธรณ์พิพากษายกคำพิพากษาศาลชั้นต้นในส่วนที่ไม่ริบของกลาง ให้ศาลชั้นต้นดำเนินการสืบพยานเฉพาะประเด็นว่า ใครเป็นเจ้าของช้าง เจ้าของมีส่วนรู้เห็นเป็นใจในการกระทำผิดหรือไม่ แล้วพิพากษาใหม่ นอกนั้นยืน
จำเลยฎีกาว่า ข้างของกลางไม่ได้ใช้ในการกระทำผิด และไม่ได้ใช้เป็นอุปกรณ์เพื่อให้ได้รับผลในการกระทำผิด ขอให้คืนช้างของกลางแก่เจ้าของ
ศาลฎีกาเห็นว่า ตามฟ้องและคำให้การรับสารภาพของจำเลยฟังได้ว่า จำเลยใช้ช้างของกลางชักลากนำเคลื่อนที่ไม้แปรรูปมาในความครอบครองของจำเลย ประเด็นแห่งคดีมีเพียงว่า ผู้ใดเป็นเจ้าของช้างของกลาง และเจ้าของช้างผู้นั้นรู้เห็นเป็นใจในการกระทำความผิดของจำเลยหรือไม่ ซึ่งศาลชั้นต้นชอบที่จะดำเนินการพิจารณาและพิพากษาใหม่เฉพาะประเด็นนี้ตามคำวินิจฉัยของศาลอุทธรณ์ ข้อที่จำเลยยกขึ้นฎีกา จำเลยรับสารภาพแล้วฟังไม่ขึ้น พิพากษายืน