คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1278/2533

แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ

ย่อสั้น

โจทก์ที่ 2 ฟ้องเรียกเงินจากจำเลย 27,738 บาท ศาลอุทธรณ์พิพากษายืนจึงต้องห้ามคู่ความฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงตาม ป.วิ.พ.มาตรา 248 เมื่อศาลอุทธรณ์ฟังข้อเท็จจริงว่าไม่มีการจับสลากกำหนดเวลาคืนเงินให้ผู้ร่วมเล่นแชร์ ฎีกาของจำเลยเกี่ยวกับโจทก์ที่ 2 ที่ว่า โจทก์ที่ 2 ไม่มีอำนาจฟ้องเพราะโจทก์ที่ 2 จะได้รับเงินคืนในเดือน สิงหาคม 2530 ตาม ที่จับสลากได้ ขณะที่ฟ้องยังไม่ถึงกำหนดเวลาดังกล่าวนั้น จึงเป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงเพื่อนำไปสู่ปัญหาข้อกฎหมายเรื่องอำนาจฟ้องต้องห้ามตาม บทกฎหมายดังกล่าว.

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า โจทก์ทั้งสองเป็นผู้ร่วมเล่นแชร์ซึ่งจำเลยจัดตั้งขึ้นและเป็นหัวหน้าวง โจทก์ทั้งสองส่งเงินค่างวดแชร์ครบถ้วนตามที่ตกลงกันในแต่ละเดือนแล้ว ต่อมาเดือนเมษายน 2528 จำเลยแจ้งว่า ผู้ร่วมเงินแชร์บางคนไม่ชำระเงินค่างวดแชร์รวมทั้งดอกเบี้ยหรือผลประโยชน์ตามที่ตกลง จำเลยไม่สามารถรับผิดชอบแทนเป็นเหตุให้วงแชร์ล้มและสัญญาแชร์เลิก จำเลยไม่ชำระจึงขอศาลบังคับจำเลยชำระเงินแก่โจทก์ทั้งสองรวม 83,214 บาท และให้จำเลยชำระดอกเบี้ยอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีนับแต่รับฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จ
จำเลยให้การว่า จำเลยร่วมเล่นแชร์กับโจทก์ทั้งสองพร้อมพวกอีก 38 คน โดยตกลงจับสลากกำหนดผู้มีสิทธิรับเงินแชร์ โจทก์ที่ 1 มีสิทธิจะได้รับเงินแชร์งวดเดือนกันยายน 2527 โจทก์ที่ 2มีสิทธิจะได้รับเงินแชร์งวดเดือนสิงหาคม 2530 ต่อมาเดือนมีนาคม2528 ได้ตกลงเลิกเล่นแชร์ ผู้ประมูลแชร์ไปได้แล้ว 6 ราย มีหน้าที่ต้องส่งเงินคืนแก่ผู้ที่ประมูลไม่ได้ โจทก์ที่ 1 มีสิทธิได้รับเงินทุนคืนในเดือนกันยายน 2529 โจทก์ที่ 2 มีสิทธิได้รับเงินทุนคืนในเดือนสิงหาคม 2530 จึงยังไม่มีอำนาจฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยชำระเงินให้โจทก์ที่ 1 เป็นเงิน55,476 บาท ให้โจทก์ที่ 2 เป็นเงิน 27,738 บาท พร้อมดอกเบี้ย
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “พิเคราะห์แล้ว คดีนี้โจทก์ที่ 2 ฟ้องเรียกเงินจากจำเลยเป็นเงิน 27,738 บาท เมื่อศาลอุทธรณ์พิพากษายืนจึงต้องห้ามมิให้คู่ความฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 248 เมื่อศาลอุทธรณ์ฟังข้อเท็จจริงว่าไม่มีการจับสลากกำหนดเวลาคืนเงินให้ผู้ร่วมเล่นแชร์ ฎีกาของจำเลยเกี่ยวกับโจทก์ที่ 2 ที่ว่า โจทก์ที่ 2 ไม่มีอำนาจฟ้องเพราะโจทก์ที่ 2 จะได้รับเงินคืนในเดือนสิงหาคม2530 ตามที่จับสลากได้ ขณะที่ฟ้องยังไม่ถึงกำหนดเวลาดังกล่าวนั้น จึงเป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงเพื่อนำไปสู่ปัญหาข้อกฎหมายเรื่องอำนาจฟ้องต้องห้ามตามบทกฎหมายดังกล่าว ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย
ส่วนที่จำเลยฎีกาว่า เมื่อวงแชร์ล้มคู่กรณีต้องกลับคืนสู่ฐานะเดิม จำเลยจึงต้องคืนเงินต้นให้โจทก์เท่าจำนวนเงินที่จำเลยรับไปจากโจทก์ในการชำระค่าแชร์งวดแรกเท่านั้น และมิได้มีข้อตกลงว่าจำเลยในฐานะหัวหน้าวงแชร์ต้องรับผิดชดใช้เงินค่างวดที่ชำระไปแล้วรวมทั้งดอกเบี้ยแก่ผู้ร่วมเล่นแชร์แทนผู้ประมูลแชร์ได้นั้นจำเลยก็มิได้ให้การต่อสู้ในเรื่องดังกล่าวไว้ จึงเป็นเรื่องนอกคำให้การ ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัยให้
ที่จำเลยฎีกาว่า ศาลชั้นต้นเห็นว่าคดีไม่มีข้อยุ่งยากและสั่งงดชี้สองสถานเป็นการไม่ชอบ เพราะจำเลยเห็นว่าเป็นคดียุ่งยากนั้น ปรากฏว่าจำเลยมิได้โต้แย้งคำสั่งศาลชั้นต้นไว้แต่ประการใด จำเลยจึงไม่มีสิทธิอุทธรณ์ฎีกาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 226(2) และมาตรา 249
จำเลยฎีกาต่อมาว่า โจทก์ไม่มีอำนาจฟ้องเพราะโจทก์ที่ 1จะได้รับเงินในเดือนกันยายน 2529 ตามที่โจทก์ที่ 1 จับสลากได้ปรากฏตามเครื่องหมายกากบาทในบัญชีผู้เล่นแชร์เอกสารหมาย จ.2ขณะที่ฟ้องยังไม่ถึงกำหนดวันดังกล่าวนั้น นอกจากตัวโจทก์ที่ 1 แล้วโจทก์ที่ 2 และนางสาริกา กาญจนะ ยังเบิกความต้องกันว่าในการประมูลแชร์นั้น ผู้ที่เสนอผลประโยชน์สูงสุดในเดือนใดถือว่าเป็นผู้ประมูลได้ จำเลยก็ให้การรับว่ามีการประมูลแชร์กันทุกวันเสาร์ต้นเดือน แต่กลับให้การต่อมาว่ามีการตกลงจับสลากกำหนดผู้มีสิทธิรับเงินแชร์ไว้แน่นอน ต่อมาเมื่อเล่นไปได้ 6 งวด จึงตกลงกันเลิกเล่นแชร์ คำให้การของจำเลยจึงขัดแย้งกันเองและขัดกับที่จำเลยนำสืบว่าเมื่อเลิกเล่นแชร์แล้วมีการจับสลากกำหนดเวลาคืนเงินกัน ที่จำเลยอ้างว่าโจทก์ที่ 1 จับสลากแล้วจะได้รับเงินคืนในเดือนกันยายน 2529 นั้นก็มีแต่ตัวจำเลยเบิกความลอย ๆ เพียงคนเดียวทั้ง ๆ ที่มีคนร่วมเล่นแชร์กว่า 20 คน ข้อต่อสู้ของจำเลยจึงไม่มีน้ำหนักให้รับฟัง แม้ในบัญชีผู้เล่นแชร์เอกสารหมาย จ.2 จะมีเครื่องหมายกากบาทในช่องเดือนกันยายน 2529 ซึ่งโจทก์ที่ 1เบิกความรับมีการทำเครื่องหมายไว้จริง แต่โจทก์ที่ 1 ก็เบิกความว่าไม่มีการตกลงกันเพราะมีผู้ไปเจรจากันเพียง 5-6 คน สอดคล้องกับคำเบิกความของโจทก์ที่ 2 และนางสาววิภา พยานหลักฐานของโจทก์จึงมีน้ำหนักฟังได้ว่า โจทก์จำเลยเล่นแชร์แบบประมูลเป็นเดือน ๆไม่ใช่จับสลากกำหนดผู้รับเงินตามคำให้การจำเลย และโจทก์ที่ 1มิได้ตกลงจับสลากกำหนดเวลารับเงินคืนตามที่จำเลยนำสืบ เมื่อวงแชร์ล้ม โจทก์จึงมีอำนาจฟ้องให้จำเลยซึ่งเป็นหัวหน้าวงแชร์รับผิดชอบชดใช้ต้นเงินและผลประโยชน์แทนผู้ที่ประมูลแชร์ได้ตามที่ตกลงกันศาลล่างทั้งสองพิพากษาชอบแล้ว ฎีกาจำเลยฟังไม่ขึ้น”
พิพากษายืน.

Share