คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1278/2493

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

โจทก์ฟ้องว่า นาพิพาทเป็นของโจทก์ ครอบครองมาจำเลยไปขอจดทะเบียน ออกโฉนดว่าเป็นที่ของผู้อื่น ขอให้ห้าม จำเลยต่อสู้ว่าเป็นนาของภริยาจำเลยครอบครองมาไม่ใช่นาของโจทก์ ดังนี้แม้จะปรากฏว่าจำเลยกับภริยาสมรสกันโดยมิได้จดทะเบียน จำเลยก็อาจอ้างอำนาจของคนที่ 3 เป็นข้อต่อสู้ของโจทก์ได้เพราะถ้าข้อเท็จจริงฟังได้สมข้อต่อสู้ว่า ที่พิพาทเป็นของภริยาจำเลย ไม่ใช่ของโจทก์ โจทก์ก็ไม่มีอำนาจที่จะห้ามจำเลยได้

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องหาว่า จำเลยนำเจ้าพนักงานหอทะเบียนรังวัดที่นาของโจทก์ เพื่อออกโฉนดว่าที่พิพาทเป็นมรดกนางจั่น จึงขอให้ศาลแสดงว่า ที่นาพิพาทเป็นกรรมสิทธิ์ของโจทก์

จำเลยต่อสู้ว่า นาพิพาทเป็นมรดกของนางจั่น มารดาโจทก์และภริยาจำเลย เมื่อนางจั่นตาย บุตรทุกคนตกลงยกนาให้เป็นของภริยาจำเลย ๆ ปกครองมา 3 ปีเศษแล้ว นาพิพาทจึงเป็นกรรมสิทธิ์ของภริยาจำเลย

ชั้นพิจารณาคู่ความรับกันว่า ที่นาพิพาทเป็นของนางจั่นมารดาโจทก์ และภริยาจำเลยจริง นางจั่นตายเมื่อเดือน 8 พ.ศ. 2487 จำเลยมาได้นางชื้นเป็นภริยาเมื่อภายหลังที่นางชื้นได้นาแปลงพิพาทแล้ว แต่ไม่ได้จดทะเบียนสมรส แต่คงโต้เถียงข้อเท็จจริงกันถึงเรื่องการครอบครองดังที่โจทก์ฟ้อง และจำเลยต่อสู้

ศาลชั้นต้นงดสืบพยาน และเห็นว่าที่พิพาทยังไม่ได้จดทะเบียนการโอน จึงฟังได้ว่าโจทก์กับภริยาจำเลยมีสิทธิในที่นั้นอยู่จำเลยมิได้จดทะเบียนสมรสกับนางชื้น จึงไม่มีอำนาจเกี่ยวกับทรัพย์ของนางชื้นภริยา จึงพิพากษาห้ามมิให้จำเลยเกี่ยวกับทรัพย์ที่พิพาท ส่วนกรรมสิทธิ์ยังชี้ขาดเป็นของโจทก์คนเดียวไม่ได้

ศาลอุทธรณ์พิพากษายกคำพิพากษาศาลชั้นต้น ให้ดำเนินการสืบพยาน แล้วพิพากษาใหม่

โจทก์ฎีกา

ศาลฎีกาเห็นว่า จำเลยอ้างอำนาจของนางชื้นขึ้นเป็นข้อต่อสู้โจทก์ได้ ฉะนั้นถ้าข้อเท็จจริงฟังได้สมข้อต่อสู้ของจำเลยที่ว่าที่รายพิพาทเป็นของนางชื้น ไม่ใช่ของโจทก์ โจทก์ก็ไม่มีอำนาจที่จะห้ามจำเลยได้ ศาลอุทธรณ์พิพากษาชอบแล้ว

พิพากษายืน

Share