แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
โจทก์จำเลยพิพาทกันในเรื่องที่ดินที่สุดได้ตกลงให้ศาลเรียกเจ้าของที่ดินข้างเคียงมาชี้ว่าเขตของคนข้างเคียงว่าอยู่แค่ไหนแล้วให้จ่าศาลวัดจากที่ของคนข้างเคียงไปจำนวนหนึ่งให้เป็นของโจทก์ที่เหลือเป็นของจำเลย เช่นนี้แสดงว่าคู่ความยอมตกลงรับเอาตามเนื้อที่ที่คนข้างเคียงชี้ให้เป็นสำคัญฉนั้นแม้เอกสารหลักฐานการได้ที่ของคนข้างเคียงจะคลาดเคลื่อนไปจากที่ที่ชี้กันก็ตาม ศาลก็ชอบที่จะบังคับแบ่งไปตามทางที่คู่ความไว้ตกลงกันไว้ กล่าวคือตามทางที่คนข้างเคียงชี้
ย่อยาว
คดีนี้คู่ความโต้แย้งกันว่าที่พิพาทอยู่ในใบเหยียบย่ำของฝ่ายใด แล้วตกลงกันให้ศาลเรียกนายเจิมกับนายมะโดนซึ่งมีนาอยู่ตะวันตกที่พิพาทมาสอบถามชี้เขตจากที่ดินของนายเจิม ไปจนเต็มเนื้อที่ใบเหยียบย่ำของโจทก์ซึ่งอยู่ทางด้านตะวันตกให้ได้ความยาว ๖ เส้น ๕ วา จำเลยยอมให้ที่ดินนั้นตกเป็นของโจทก์ เหลือจากนั้นไปทางทิศ่ตะวันออก โจทก์ยอมให้ตกเป็นของจำเลย
นายเจิมตายเสียก่อน คู่ความยอมให้นางจีบภรรยานายเจิมไปชี้แทน
จ่าศาลได้ไปปฏิบัติตามและทำแผนที่กับทำบันทึกลงวันที่ ๑๖ สิงหาคม ๙๖ ให้โจทก์จำเลยพร้อมด้วยทนายทั้งสองฝ่ายกับนายมะโดน นางจีบลงชื่อไว้ แล้วนำเสนอศาล
ต่อมาศาลสอบถามคู่ความเพื่อบังคับคดีต่อไป จำเลยกลับไม่ยอมรับรองแผนที่ที่จ่าศาลทำ โดยอ้างว่า นางจีบชี้ไม่ถูกและว่าหนังสือสัญญาซื้อขายที่ดินที่นางจีบนำมาชี้เขตที่ครั้งนี้เป็นสัญญาซื้อขายที่ดินแปลงอื่น ไม่ใช่หนังสือสัญญาที่นายเจิมเคยอ้างว่ามี
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้ที่ดินตามในวงเส้นสีแดง แห่งแผนที่ที่จ่าศาลทำเป็นของโจทก์
จำเลยอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาเห็นพ้องกับศาลอุทธรณ์ว่า ตามที่ศาลจำเลยตกลงกันดั่งข้อความในรายงานกระบวนพิจารณาของศาลนั้นเห็นได้ว่าโจทก์จำเลยประสงค์จะให้นายมะโดน นายเจิม หรือนางจีบมาชี้เขตที่ดินของเขาเป็นสำคัญ เอกสารหลักฐานของที่ดินเป็นแต่สิ่งที่ใช้ประกอบในการชี้ขาด เพราะฉนั้นเมื่อนายมะโดนและนางจีบได้มาชี้เขตที่ดินของเขาโดยมีเอกสารหลักฐานของที่ดินประกอบก็เป็นการตรงกับข้อความที่โจทก์จำเลยตกลงกันอันปรากฎในรายงานกระบวนพิจารณาของศาลแล้ว