คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1728/2498

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ที่จะมีความผิดฐานลักทรัพย์นั้นแม้ไม่มีประจักษ์พยานเห็นว่าจำเลยเป็นคนร้ายเข้าไปลักกระบือแต่ได้ความว่ากระบือหายเวลาค่อนแจ้ง กำนันจับจำเลยได้ขณะขี่กระบือในวันรุ่งขึ้นเวลาบ่าย จำเลยก็รับว่าไม่รู้จักเจ้าทรัพย์แม้บ้านก็ไม่รู้จัก ครั้นจำเลยได้ประกันตัวไปจากอำเภอเพื่อนำหลักฐานมาแสดง จำเลยก็ตรงไปหาเจ้าทรัพย์ถูก ซ้ำยังหลอกลวงว่าจะไปไถ่กระบือคืนให้ ๆ เจ้าทรัพย์มอบตั๋วพิมพ์รูปพรรณไปพฤติการณ์ดังนี้เป็นเหตุแวดล้อมให้เห็นว่าจำเลยนั่นเองเป็นผู้เข้าไปลักกระบือรายนี้
อันความผิดฐานฉ้อโกงนั้นแม้ในฟ้องจะกล่าวว่า เจ้าทุกข์ได้ร้องทุกข์ให้เจ้าพนักงานสอบสวนจัดการดำเนินคดีแก่จำเลยก็ดีแต่เวลาโจทก์นำสืบไม่ปรากฎว่าผู้เสียหายได้ร้องทุกข์ต่อเจ้าพนักงาน ขอให้ดำเนินคดีในความผิดฐานี้เลย ทั้งหลักฐานการร้องทุกข์ก็ไม่ปรากฎฉนั้นจะฟังว่าผู้เสียหายได้ร้องทุกข์ต่อเจ้าพนักงานขอให้ดำเนินคดีแก่จำเลยหาได้ไม่ โจทก์จึงฟ้องจำเลยฐานฉ้อโกงยังไม่ได้

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่าจำเลยสมคบกันลักกระบือ ๒ ตัวของนายเผื่อนหรือรับไว้โดยรู้อยู่ว่าเป็นของร้าย และจำเลยมีเจตนาทุจริตหลอกลวงให้นายเผื่อนส่งมอบเงิน ๑,๓๐๐ บาทกับตั๋วพิมพ์รูปพรรณเพื่อไถ่กระบือคืนให้ ขอให้ลงโทษ จำเลยทั้งสองให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง
ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับให้ลงโทษฐานลักทรัพย์ ม. ๒๙๔ วรรคท้าย กระทงหนึ่ง จำคุกคนละ ๒ ปี กับฐานฉ้อโกง ม.๓๐๔ อีกกระทงหนึ่ง จำคุกคนละ ๑ ปี รวมจำคุกคนละ ๓ ปี กับคืนหรือใช้เงิน ๑,๓๐๐ บาท
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาปรึกษาแล้ว คดีนี้แม้ไม่มีพยานโจทก์เห็นว่าจำเลยเป็นคนร้ายเข้าไปลักเอากระบือนายเผื่อนมาก็ดี แต่ข้อเท็จจริงได้ความว่านายสนธิ์จับจำเลยได้ขณะขี่กระบืออยู่ในวันรุ่งขึ้นเวลาบ่าย ๑๕.๐๐ น. จำเลยรับว่าจำเลยกับนายเผื่อนไม่เคยรู้จักกัน บ้านช่องอยู่ที่ไหนก็ไม่รู้ เมื่อเจ้าพนักงานให้จำเลยประกันตัวไปเพื่อไปเอาหลักฐานมาแสดง จำเลยก็ตรงไปหานายเผื่อนถูก ซ้ำยังหลอกลวงว่าจะไปไถ่กระบือคืนให้และนายเผื่อนมอบตั๋วพิ่มพ์รูปพรรณให้จำเลยไป พฤติการณ์เช่นนี้เป็นเหตุแวดล้อมให้เห็นว่าจำเลยนั้นเองเป็นผู้เข้าไปลักกระบือของนายเผื่อนมา จึงไปตามหาบ้านเจ้าของกระบือได้ถูกต้อง
ศาลฎีกาเห็นว่าอันความผิดฐานฉ้อโกงนั้นตาม ก.ม.อาญา ม.๓๑๓ บัญญัติว่า ต่อผู้ที่ได้รับความเสียหายมาร้องทุกข์จึงให้เจ้าพนักงานเอาคดีขึ้นมากล่าว ในคดีนี้แม้ในฟ้องโจทก์จะกล่าวว่านายเผื่อนเจ้าทุกข์ได้ร้องทุกข์ให้เจ้าพนักงานสอบสวนอำเภอทัพทัน จัดการดำเนินคดีแก่จำเลยก็ดี แต่เวลาโจทก์นำสืบ ไม่ปรากฎว่านายเผื่อนได้ร้องทุกข์ต่อเจ้าพนักงานขอให้ดำเนินคดีในความผิดฐานนี้เลย หลักฐานการร้องทุกข์ก็ไม่มี ฉนั้นจะฟังว่านายเผื่อนได้ร้องทุกข์ต่อเจ้าพนักงานขอให้ดำเนินคดีแก่จำเลยไม่ได้ โจทก์จึงฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยฐานฉ้อโกงยังไม่ได้
จึงพิพากษาแก้ให้ลงโทษจำเลยตาม ม.๒๙๔ วรรคท้ายคนละ ๒ ปี ส่วนความผิดฐานฉ้อโกงให้ยกฟ้อง

Share